วันศุกร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

Do you know Angkor cut (9)



ก่อนอ่านฉากนี้ อ่าน chapter 9 ของ #เสือซ่อนลิป ในจอยลดาก่อนนะคะ 


Do you know Angkor cut (9)


บรรยากาศของแสงไฟที่ถูกเปิดไว้เพียงสลัวของลานจอดรถ ภายในรถยนต์มาเซราติสีดำสนิทก็ถูกปรกคลุมไปด้วยความเงียบหลังจากที่เจ้าของรถอย่างแดนดินไปพาตัวอังกอร์มาจากร้านไอศกรีมแล้วพามายังที่รถโดยที่ต่างฝ่ายก็ไม่ได้พูดอะไร ซ้ำเจ้าของรถเองก็ไม่ได้ขับเคลื่อนพาหนะออกไปไหน หากแต่ชายหนุ่มทั้งสองคนก็ยังคงนั่งอยู่ภายในนั้นมาได้สักพักแล้ว


“มีอะไรจะคุยกับกูกันแน่” อังคารที่ยังคงแสดงบทบาทของอังกอร์อย่างที่เขาเคยทำมาตลอด เป็นฝ่ายทำลายความเงียบลงด้วยการที่เริ่มปริปากถาม


“จะมาดูหนังทำไมไม่บอกกันสักคำ” แดนดินที่นั่งอยู่ฝั่งคนขับหันกลับไปมองคนตัวบางกว่าข้างๆแล้วเอ่ยพูดด้วยเสียงเรียบนิ่ง


“ทำไม กูจะไปไหนนี่ต้องรายงานมึงด้วยเหรอไง” 

อังกอร์ยังคงตอบด้วยท่าทีหยั่งเชิงอีกฝ่าย เขาทิ้งกายเอนลงกับเบาะข้างคนขับทั้งยกแขนกอดอกใบหน้าก็หันเชิดไปทางอื่น ดูเผินๆก็เหมือนท่าทีของคนที่ไม่ได้อยากจะสนทนาด้วยกับอีกฝ่าย แต่สำหรับอังกอร์แล้วเขาก็แค่ทำไปเพื่อหลบสายตาคนข้างๆ เท่านั้น


สายตาของแดนดินที่มองจ้องเขาในยามที่พูดคุยกันคู่นั้นไง


ความใกล้ชิดที่เกิดจากความแคบของตัวรถมันทำให้เขาหัวใจสั่นไหวจนกลัวอีกฝ่ายจะล่วงล้ำได้ยินมันเข้า จนต้องทำบ่ายเบี่ยงไปด้วยท่าทีอื่นให้มากที่สุด


“ก็จะได้พามาไง”


“กูมากับเพื่อนกูได้ ไม่เห็นต้องให้มึงพามาเลย”


“ก็ถ้าแค่เพื่อนจริงๆ มันก็ดีไป” ถ้อยคำแฝงของแดนดังขึ้นพร้อมกับเสียงแค่นหัวเราะในลำคอที่ฟังดูจะไม่สบอารมณ์อยู่หน่อยๆ


“หมายความว่าไง”


“อย่าคิดว่ากูไม่รู้ว่ามีเด็กๆคนอื่นของมึงมาด้วย”


            ด้วยน้ำเสียงแข็งราวกับไม่พอใจของแดนดิน มันแสดงออกชัดเจนจนอังกอร์เผลอคิดไปว่าอีกฝ่ายกำลังหึงหวง เขาที่หันใบหน้าเข้าหากับประตูรถหลุบยิ้มออกมาเพียงน้อย ก่อนที่จะหันกลับไปทางอีกฝ่ายด้วยมาดของอังกอร์เพื่อยียวนอย่างเดิม


“ทำไม หึงเหรอ?” รอยยิ้มแสยะราวกับผู้ที่อยู่เหนือประดับขึ้นบนใบหน้าใส


อังกอร์กำลังลองท้าทายผู้ชายตรงหน้า


โดยที่ไม่รู้เลยว่า...


แดนดินไม่ใช่ผู้ชายที่จะให้ใครมาอยู่เหนือเขาได้ง่ายๆ


“ต้องให้พูดด้วยหรือไงคำพวกนั้น”


ว่าจบ แขนแกร่งของคนตัวโตกว่าถูกส่งไปพาดทับตัวของคนที่อยู่เบาะข้างคนขับ ทั้งร่างหนาก็ทาบทับอยู่เกือบจะติดกันกับอังกอร์


แล้วถึงเสือร้ายที่คร่ำเรียนวิชาการแสดงมาได้เนียนจนต้องปรบมือให้อย่างอังกอร์จะเก่งขนาดไหน สิ่งไม่คาดคิดอย่างการกระทำนี้ ก็ทำเอาเขาตกใจจนล้มตัวแนบติดเบาะ ดวงตาสวยก็เบิกออกกว้างอย่างตกใจ ใครจะไปคิดล่ะว่าแดนดินคนนั้นจะถึงเนื้อถึงตัวได้ไวขนาดนี้


“ขะ...ขยับมาทำไมวะ”


“ก็มึงเอาแต่มองไปทางอื่น กูก็ต้องขยับมาหาสิ”


“ก็ไม่เห็นต้องขยับมาท่านี้เลยปะ”


“แค่นี้เขินหรือไงหื้ม?”  คนที่กลับมาอยู่จุดที่เหนือกว่าพูดอย่างเอาคืนอีกฝ่ายไป ทั้งขยับใบหน้าเข้าไปใกล้มากยิ่งขึ้นและยิ่งขึ้นซะจนคนข้างใต้รู้สึกได้ถึงลมหายใจที่รดแก้มอยู่


โอ้ย.. 

จะทำให้หัวใจวายตายเลยหรือยังไง!


เสียงตะโกนในใจของอังกอร์  ใครจะไปคิดว่าชีวิตของเขามันจะคอมพลีทขนาดนี้ เริ่มจากที่ชอบผู้ชายคนนี้อย่างที่ไม่เคยชอบใครมาก่อน จนยอมทำอะไรบ้าๆ เพื่อให้มีโอกาสได้ใกล้ชิดกับเขา ทั้งๆที่เหมือนจะพลาดโอกาสได้ใกล้ชิดด้วยซ้ำ แต่ไปๆมาๆ กลับกลายเป็นแดนดินซะเองที่มาเข้าหาตัวเอง


ทั้งได้คุย 


ได้มองหน้าใกล้ๆ 


ได้ใกล้ชิดอย่างที่ไม่เคยคิดฝันมาก่อน


แถมไอ้น้ำเสียงแผ่วๆ กับสายตาที่จ้องมองมา


แค่เผลอไปสบตามองด้วยเพียงครู่ หัวใจมันก็พร้อมจะระเบิดออกมา


            “.....”


            ริมฝีปากบางขบเม้มเข้าหากันอย่างที่อังกอร์ไม่รู้ว่าควรจะแสดงท่าทียังไงตอบกลับไป บวกกับหัวใจที่มันสั่นไหวไม่เป็นจังหวะ ทั้งยังกลัวอีกฝ่ายจะจับพิรุธอะไรได้ จึงได้แต่เงียบแล้วตีหน้านิ่งสู้อีกฝ่าย


            ไม่เป็นไรสิวะไอ้อัง ก็แค่แดนดินเอง


ก็แค่ น้องแดน...


            ฮื้อออ...


ไม่ไหวแล้ว  กูจะไม่ไหวอยู่แล้วว


            “ละ...เลิกจ้องหน้ากูสักที สรุปที่เรียกกูออกมาก็เพราะหึงแค่นั้นเหรอ!” อังกอร์สูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ พยายามเข้าประเด็นเพื่อกลบเกลื่อนอาการของตัวเอง


“กูบอกไปแล้วว่ากูจะจีบมึง แล้วกูไม่ชอบการที่มึงยังไปไหนมาไหนกับใครแบบนี้”พอเห็นว่าอังกอร์พยายามจะกลับเข้าประเด็น แดนดินจึงยอมเอ่ยถึงเหตุผลที่เขาไปเรียกอีกฝ่ายออกมาคุย


แดนดินเป็นผู้ชายที่ถูกเลี้ยงดูภายใต้ครอบครัวที่มีอิทธิพลสูงของประเทศ ตั้งแต่เล็กจนโต หากผู้ชายคนนี้ต้องการสิ่งใดก็ย่อมได้ทั้งสิ้น เขาจึงไม่ใช่ผู้ชายที่จะมีนิสัยทำอะไรอ้อมโลกมากมายนัก ถนัดแต่เรื่องพุ่งชนกับเผชิญหน้าตรงๆ ด้วยซ้ำ
            

              ดังนั้น วิธีการจัดการเรื่องนี้ของเขาก็คือการคุยตรงๆ ให้ชัดเจน 
             
             แต่ถ้ามันไม่สำเร็จ ก็ค่อยใช้เล่ห์เหลี่ยมเป็นแผนสำรอง


“แต่เพื่อนเราไม่ชอบหน้ากันมึงก็รู้ มึงคิดว่าความสัมพันธ์ของเรามันจะไปได้รอดหรอวะ”


“กูไม่ได้สนเรื่องเพื่อนมึงเลยอังกอร์ ที่กูสนก็มีแต่มึงเท่านั้น”


“แต่กูไม่อยากมีปัญหากับเพื่อนว่ะแดน ถ้าเราจะคุยกันอะไรๆมันก็ต้องปิดบังไปหมด อะไรที่เป็นแบบนั้นมึงชอบ?


“ก็ไม่ได้ชอบ แต่ก็ไม่ได้แปลว่ารับไม่ได้”


“เฮ้อ...” 

อังกอร์ถอนหายใจออกมาให้สมกับการแสดงที่ผ่านมา ใจนี่อยากจะบอกออกไปด้วยซ้ำว่ายังไงก็ไม่ยอมให้เลิกจีบ แต่ก็ไม่สามารถพูดออกมาตรงๆได้


“จะเปิดใจให้แดนหน่อยไม่ได้เหรอไงอัง”

“....”

“ว่าไงล่ะครับ”


แล้วแค่เพียงถ้อยคำสั้นๆ ไม่กี่คำ

สิ่งที่พยายามแสดงทั้งหมดก็เหมือนจะพังลง


“อะ....อือ”

ยอมแล้วทุกอย่างจริงๆ 

ไอ้อังกอร์คนนี้มันแพ้ผู้ชายที่ชื่อแดนดินไปหมดแล้ว


คำตอบน่าพอใจทำให้แดนดินส่งรอยยิ้มบางๆเพียงนิด แต่กลับพูนเพิ่มเสน่ห์ให้กับใบหน้าของเขาเพิ่มขึ้นมาให้กับคนตรงหน้าและเมื่อแววตาราวกับผู้ได้กุมชัยชนะส่งตามมาก็ทำเอาอังกอร์ได้สติแล้วก็พยายามเชิดคอสู้อีกครั้ง


            “แต่ก็ไม่ได้แปลว่ากูจะหยุดที่มึงนะ มึงเองก็เถอะ ฮอตเหมือนกันไม่ใช่เหรอไง” คนมันฮอต(ในแอคติ้ง) ไม่อยากจะยอมรับว่าตัวเองน่ะแพ้แดนดินขนาดไหน ก็พยายามพูดหาเรื่องกวนกลับไป

           
ประมาณว่า ก็ให้คุย แต่เราไม่คิดจะหยุดที่คุณหรอกนะ


“กูไม่ได้คุยกับใครนอกจากมึง เพราะงั้นมึงก็ควรมีแค่กู” คำตอบเสียงชัดจากแดนดินก็แทบจะทำเอาอังกอร์ไหววูบไปอีกหน เขาได้แต่ท่องยุบหนอ พองหนออย่างที่ซองเพื่อนรักเคยสอน แล้วฮึดสู้กลับไปอีก


“โทษนะครับ กูน่ะอังกอร์  แค่ชื่อก็รู้แล้วว่าเสือ .. ทำไมกูจะต้องหยุดคุยแค่มึงด้วย” ไหล่เล็กๆของอังยกขึ้นลงอย่างกวนประสาทซ้ำไอ้สีหน้าแบบก็ไม่รู้สินะนั่นก็กวนไม่ได้แพ้กันเลย


“แค่ให้สิทธิมึงคุยก็ดีเท่าไหร่แล้ว” เมื่อเห็นว่าแดนดินไม่พูดอะไรก็ได้ทีย้ำอีกรอบ


“แล้วต้องทำยังไงมึงถึงจะยอมคุยกับกูแค่คนเดียว”


“เคยได้ยินคำพูดที่ว่า.. หากคิดจะหยุดเสือ เหยื่อต้องเด็ดไหม?” เขาลากเสียงทิ้งท้ายหน่อยก่อนจะพูดขึ้นอีก



“มึงเด็ดพอจะหยุดเสือแบบกูไหมล่ะครับ”



 รอยยิ้มอย่างร้ายกาจของอังกอร์ส่งออกไปผ่านคำพูดอย่างไม่รั้งคิดถึงสิ่งที่ตามมา ทั้งๆที่ก็รู้ว่าผู้ชายตรงหน้าน่ะร้ายกาจ แต่เขาก็ยังท้าทายมัน


อา ...

ดูเหมือนว่าเสือตัวนี้จะชอบเล่นกับไฟซะจริงๆ



“งั้นถ้ากูเด็ดพอ มึงจะยอมหยุดที่กูใช่มั้ย”



ใบหน้าที่เกือบจะถอยออกไปแล้วของแดนดิน ขยับเข้าหาอย่างรวดเร็วแบบที่ไม่ปล่อยให้คนปากเก่งได้ตั้งตัว ริมฝีปากร้อนระอุก็ประกบเข้าที่ริมฝีปากได้รูปที่ใช้พูดถ้อยคำกวนประสาทเขา ทั้งมือก็ประคองเกี่ยวโน้มให้เข้าหา เขากดเม้มริมฝีปากมันอย่างหนักหน่วง


จะสอนให้รู้เองว่าเด็ดแค่ไหน


คนที่อยู่ข้างใต้ตกใจจนตาโต พยายามที่ใช้แขนแรงน้อยของตัวเองดันอกแกร่งนั้นออกไป เขาไม่ยอมหากแต่สุดท้ายก็ต้องหยุดมือลง ด้วยความอ่อนยวบที่ได้รับ ทำไมเพียงแค่สัมผัสที่ปากจากผู้ชายตรงหน้าถึงได้ทำให้เขาอ่อนแรงไปหมดแบบนี้


หัวใจก็สั่นแรง มันเต้นดังซะจนได้ยินเสียงชัด


เมื่อบดขยี้ริมฝีปากจนพอใจ ปลายลิ้นร้อนระอุก็สอดส่งเข้าไปในโพรงปากสวยแล้วรัดพันเกี่ยวกวัดกับลิ้นของหวานภายใน อังกอร์ไม่เหลือคราบเดิมปล่อยใจกับรสสัมผัสนั้น ต่างฝ่ายต่างแสดงความต้องการที่เหมือนจะล้นอก เกี่ยวแลกลิ้นกันจนเสียงจูบดังก้องรถ

ทั้งสองจูบกันอยู่เนิ่นนานจนกระทั่งแดนดินที่เป็นฝ่ายผละออกไปก่อนอย่างเชื่องช้า และเมื่อริมฝีปากที่พรหมจูบรับกันไปมาเมื่อครู่แยกห่างกัน เขาก็ใช้ดวงตาร้ายกาจคู่เดิมมองเข้าไปที่ดวงตาใสของอีกคน



“ที่อังจูบตอบเมื่อกี้”


“....”


“แดนจะถือว่ามันคือคำตอบตกลงนะครับ”





talk >> 
ชอบไม่ชอบยังไงไปหวีดกันได้ที่  #เสือซ่อนลิป เลยจ้า