ก่อนอ่านฉากนี้ อ่าน chapter 9 ของ #เสือซ่อนลิป ในจอยลดาก่อนนะคะ
Do you know Angkor cut (9)
บรรยากาศของแสงไฟที่ถูกเปิดไว้เพียงสลัวของลานจอดรถ
ภายในรถยนต์มาเซราติสีดำสนิทก็ถูกปรกคลุมไปด้วยความเงียบหลังจากที่เจ้าของรถอย่างแดนดินไปพาตัวอังกอร์มาจากร้านไอศกรีมแล้วพามายังที่รถโดยที่ต่างฝ่ายก็ไม่ได้พูดอะไร
ซ้ำเจ้าของรถเองก็ไม่ได้ขับเคลื่อนพาหนะออกไปไหน
หากแต่ชายหนุ่มทั้งสองคนก็ยังคงนั่งอยู่ภายในนั้นมาได้สักพักแล้ว
“มีอะไรจะคุยกับกูกันแน่” อังคารที่ยังคงแสดงบทบาทของอังกอร์อย่างที่เขาเคยทำมาตลอด
เป็นฝ่ายทำลายความเงียบลงด้วยการที่เริ่มปริปากถาม
“จะมาดูหนังทำไมไม่บอกกันสักคำ” แดนดินที่นั่งอยู่ฝั่งคนขับหันกลับไปมองคนตัวบางกว่าข้างๆแล้วเอ่ยพูดด้วยเสียงเรียบนิ่ง
“ทำไม กูจะไปไหนนี่ต้องรายงานมึงด้วยเหรอไง”
อังกอร์ยังคงตอบด้วยท่าทีหยั่งเชิงอีกฝ่าย เขาทิ้งกายเอนลงกับเบาะข้างคนขับทั้งยกแขนกอดอกใบหน้าก็หันเชิดไปทางอื่น
ดูเผินๆก็เหมือนท่าทีของคนที่ไม่ได้อยากจะสนทนาด้วยกับอีกฝ่าย แต่สำหรับอังกอร์แล้วเขาก็แค่ทำไปเพื่อหลบสายตาคนข้างๆ
เท่านั้น
สายตาของแดนดินที่มองจ้องเขาในยามที่พูดคุยกันคู่นั้นไง
ความใกล้ชิดที่เกิดจากความแคบของตัวรถมันทำให้เขาหัวใจสั่นไหวจนกลัวอีกฝ่ายจะล่วงล้ำได้ยินมันเข้า
จนต้องทำบ่ายเบี่ยงไปด้วยท่าทีอื่นให้มากที่สุด
“ก็จะได้พามาไง”
“กูมากับเพื่อนกูได้ ไม่เห็นต้องให้มึงพามาเลย”
“ก็ถ้าแค่เพื่อนจริงๆ มันก็ดีไป”
ถ้อยคำแฝงของแดนดังขึ้นพร้อมกับเสียงแค่นหัวเราะในลำคอที่ฟังดูจะไม่สบอารมณ์อยู่หน่อยๆ
“หมายความว่าไง”
“อย่าคิดว่ากูไม่รู้ว่ามีเด็กๆคนอื่นของมึงมาด้วย”
ด้วยน้ำเสียงแข็งราวกับไม่พอใจของแดนดิน
มันแสดงออกชัดเจนจนอังกอร์เผลอคิดไปว่าอีกฝ่ายกำลังหึงหวง
เขาที่หันใบหน้าเข้าหากับประตูรถหลุบยิ้มออกมาเพียงน้อย
ก่อนที่จะหันกลับไปทางอีกฝ่ายด้วยมาดของอังกอร์เพื่อยียวนอย่างเดิม
“ทำไม หึงเหรอ?”
รอยยิ้มแสยะราวกับผู้ที่อยู่เหนือประดับขึ้นบนใบหน้าใส
อังกอร์กำลังลองท้าทายผู้ชายตรงหน้า
โดยที่ไม่รู้เลยว่า...
แดนดินไม่ใช่ผู้ชายที่จะให้ใครมาอยู่เหนือเขาได้ง่ายๆ
“ต้องให้พูดด้วยหรือไงคำพวกนั้น”
ว่าจบ แขนแกร่งของคนตัวโตกว่าถูกส่งไปพาดทับตัวของคนที่อยู่เบาะข้างคนขับ
ทั้งร่างหนาก็ทาบทับอยู่เกือบจะติดกันกับอังกอร์
แล้วถึงเสือร้ายที่คร่ำเรียนวิชาการแสดงมาได้เนียนจนต้องปรบมือให้อย่างอังกอร์จะเก่งขนาดไหน
สิ่งไม่คาดคิดอย่างการกระทำนี้ ก็ทำเอาเขาตกใจจนล้มตัวแนบติดเบาะ
ดวงตาสวยก็เบิกออกกว้างอย่างตกใจ
ใครจะไปคิดล่ะว่าแดนดินคนนั้นจะถึงเนื้อถึงตัวได้ไวขนาดนี้
“ขะ...ขยับมาทำไมวะ”
“ก็มึงเอาแต่มองไปทางอื่น กูก็ต้องขยับมาหาสิ”
“ก็ไม่เห็นต้องขยับมาท่านี้เลยปะ”
“แค่นี้เขินหรือไงหื้ม?” คนที่กลับมาอยู่จุดที่เหนือกว่าพูดอย่างเอาคืนอีกฝ่ายไป
ทั้งขยับใบหน้าเข้าไปใกล้มากยิ่งขึ้นและยิ่งขึ้นซะจนคนข้างใต้รู้สึกได้ถึงลมหายใจที่รดแก้มอยู่
โอ้ย..
จะทำให้หัวใจวายตายเลยหรือยังไง!
เสียงตะโกนในใจของอังกอร์ ใครจะไปคิดว่าชีวิตของเขามันจะคอมพลีทขนาดนี้
เริ่มจากที่ชอบผู้ชายคนนี้อย่างที่ไม่เคยชอบใครมาก่อน จนยอมทำอะไรบ้าๆ
เพื่อให้มีโอกาสได้ใกล้ชิดกับเขา ทั้งๆที่เหมือนจะพลาดโอกาสได้ใกล้ชิดด้วยซ้ำ แต่ไปๆมาๆ
กลับกลายเป็นแดนดินซะเองที่มาเข้าหาตัวเอง
ทั้งได้คุย
ได้มองหน้าใกล้ๆ
ได้ใกล้ชิดอย่างที่ไม่เคยคิดฝันมาก่อน
แถมไอ้น้ำเสียงแผ่วๆ กับสายตาที่จ้องมองมา
แค่เผลอไปสบตามองด้วยเพียงครู่
หัวใจมันก็พร้อมจะระเบิดออกมา
“.....”
ริมฝีปากบางขบเม้มเข้าหากันอย่างที่อังกอร์ไม่รู้ว่าควรจะแสดงท่าทียังไงตอบกลับไป
บวกกับหัวใจที่มันสั่นไหวไม่เป็นจังหวะ ทั้งยังกลัวอีกฝ่ายจะจับพิรุธอะไรได้ จึงได้แต่เงียบแล้วตีหน้านิ่งสู้อีกฝ่าย
ไม่เป็นไรสิวะไอ้อัง
ก็แค่แดนดินเอง
ก็แค่ น้องแดน...
ฮื้อออ...
ไม่ไหวแล้ว กูจะไม่ไหวอยู่แล้วว
“ละ...เลิกจ้องหน้ากูสักที
สรุปที่เรียกกูออกมาก็เพราะหึงแค่นั้นเหรอ!” อังกอร์สูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่
พยายามเข้าประเด็นเพื่อกลบเกลื่อนอาการของตัวเอง
“กูบอกไปแล้วว่ากูจะจีบมึง
แล้วกูไม่ชอบการที่มึงยังไปไหนมาไหนกับใครแบบนี้”พอเห็นว่าอังกอร์พยายามจะกลับเข้าประเด็น
แดนดินจึงยอมเอ่ยถึงเหตุผลที่เขาไปเรียกอีกฝ่ายออกมาคุย
แดนดินเป็นผู้ชายที่ถูกเลี้ยงดูภายใต้ครอบครัวที่มีอิทธิพลสูงของประเทศ ตั้งแต่เล็กจนโต หากผู้ชายคนนี้ต้องการสิ่งใดก็ย่อมได้ทั้งสิ้น เขาจึงไม่ใช่ผู้ชายที่จะมีนิสัยทำอะไรอ้อมโลกมากมายนัก ถนัดแต่เรื่องพุ่งชนกับเผชิญหน้าตรงๆ ด้วยซ้ำ
ดังนั้น วิธีการจัดการเรื่องนี้ของเขาก็คือการคุยตรงๆ ให้ชัดเจน
แต่ถ้ามันไม่สำเร็จ ก็ค่อยใช้เล่ห์เหลี่ยมเป็นแผนสำรอง
“แต่เพื่อนเราไม่ชอบหน้ากันมึงก็รู้
มึงคิดว่าความสัมพันธ์ของเรามันจะไปได้รอดหรอวะ”
“กูไม่ได้สนเรื่องเพื่อนมึงเลยอังกอร์
ที่กูสนก็มีแต่มึงเท่านั้น”
“แต่กูไม่อยากมีปัญหากับเพื่อนว่ะแดน ถ้าเราจะคุยกันอะไรๆมันก็ต้องปิดบังไปหมด
อะไรที่เป็นแบบนั้นมึงชอบ?”
“ก็ไม่ได้ชอบ แต่ก็ไม่ได้แปลว่ารับไม่ได้”
“เฮ้อ...”
อังกอร์ถอนหายใจออกมาให้สมกับการแสดงที่ผ่านมา
ใจนี่อยากจะบอกออกไปด้วยซ้ำว่ายังไงก็ไม่ยอมให้เลิกจีบ
แต่ก็ไม่สามารถพูดออกมาตรงๆได้
“จะเปิดใจให้แดนหน่อยไม่ได้เหรอไงอัง”
“....”
“ว่าไงล่ะครับ”
แล้วแค่เพียงถ้อยคำสั้นๆ ไม่กี่คำ
สิ่งที่พยายามแสดงทั้งหมดก็เหมือนจะพังลง
“อะ....อือ”
ยอมแล้วทุกอย่างจริงๆ
ไอ้อังกอร์คนนี้มันแพ้ผู้ชายที่ชื่อแดนดินไปหมดแล้ว
ไอ้อังกอร์คนนี้มันแพ้ผู้ชายที่ชื่อแดนดินไปหมดแล้ว
คำตอบน่าพอใจทำให้แดนดินส่งรอยยิ้มบางๆเพียงนิด
แต่กลับพูนเพิ่มเสน่ห์ให้กับใบหน้าของเขาเพิ่มขึ้นมาให้กับคนตรงหน้าและเมื่อแววตาราวกับผู้ได้กุมชัยชนะส่งตามมาก็ทำเอาอังกอร์ได้สติแล้วก็พยายามเชิดคอสู้อีกครั้ง
“แต่ก็ไม่ได้แปลว่ากูจะหยุดที่มึงนะ
มึงเองก็เถอะ ฮอตเหมือนกันไม่ใช่เหรอไง” คนมันฮอต(ในแอคติ้ง)
ไม่อยากจะยอมรับว่าตัวเองน่ะแพ้แดนดินขนาดไหน ก็พยายามพูดหาเรื่องกวนกลับไป
ประมาณว่า ก็ให้คุย
แต่เราไม่คิดจะหยุดที่คุณหรอกนะ
“กูไม่ได้คุยกับใครนอกจากมึง เพราะงั้นมึงก็ควรมีแค่กู”
คำตอบเสียงชัดจากแดนดินก็แทบจะทำเอาอังกอร์ไหววูบไปอีกหน เขาได้แต่ท่องยุบหนอ
พองหนออย่างที่ซองเพื่อนรักเคยสอน แล้วฮึดสู้กลับไปอีก
“โทษนะครับ กูน่ะอังกอร์ แค่ชื่อก็รู้แล้วว่าเสือ ..
ทำไมกูจะต้องหยุดคุยแค่มึงด้วย” ไหล่เล็กๆของอังยกขึ้นลงอย่างกวนประสาทซ้ำไอ้สีหน้าแบบก็ไม่รู้สินะนั่นก็กวนไม่ได้แพ้กันเลย
“แค่ให้สิทธิมึงคุยก็ดีเท่าไหร่แล้ว”
เมื่อเห็นว่าแดนดินไม่พูดอะไรก็ได้ทีย้ำอีกรอบ
“แล้วต้องทำยังไงมึงถึงจะยอมคุยกับกูแค่คนเดียว”
“เคยได้ยินคำพูดที่ว่า.. หากคิดจะหยุดเสือ
เหยื่อต้องเด็ดไหม?” เขาลากเสียงทิ้งท้ายหน่อยก่อนจะพูดขึ้นอีก
“มึงเด็ดพอจะหยุดเสือแบบกูไหมล่ะครับ”
รอยยิ้มอย่างร้ายกาจของอังกอร์ส่งออกไปผ่านคำพูดอย่างไม่รั้งคิดถึงสิ่งที่ตามมา
ทั้งๆที่ก็รู้ว่าผู้ชายตรงหน้าน่ะร้ายกาจ แต่เขาก็ยังท้าทายมัน
อา ...
“งั้นถ้ากูเด็ดพอ มึงจะยอมหยุดที่กูใช่มั้ย”
ใบหน้าที่เกือบจะถอยออกไปแล้วของแดนดิน
ขยับเข้าหาอย่างรวดเร็วแบบที่ไม่ปล่อยให้คนปากเก่งได้ตั้งตัว
ริมฝีปากร้อนระอุก็ประกบเข้าที่ริมฝีปากได้รูปที่ใช้พูดถ้อยคำกวนประสาทเขา
ทั้งมือก็ประคองเกี่ยวโน้มให้เข้าหา เขากดเม้มริมฝีปากมันอย่างหนักหน่วง
จะสอนให้รู้เองว่าเด็ดแค่ไหน
คนที่อยู่ข้างใต้ตกใจจนตาโต พยายามที่ใช้แขนแรงน้อยของตัวเองดันอกแกร่งนั้นออกไป
เขาไม่ยอมหากแต่สุดท้ายก็ต้องหยุดมือลง ด้วยความอ่อนยวบที่ได้รับ
ทำไมเพียงแค่สัมผัสที่ปากจากผู้ชายตรงหน้าถึงได้ทำให้เขาอ่อนแรงไปหมดแบบนี้
หัวใจก็สั่นแรง มันเต้นดังซะจนได้ยินเสียงชัด
เมื่อบดขยี้ริมฝีปากจนพอใจ ปลายลิ้นร้อนระอุก็สอดส่งเข้าไปในโพรงปากสวยแล้วรัดพันเกี่ยวกวัดกับลิ้นของหวานภายใน
อังกอร์ไม่เหลือคราบเดิมปล่อยใจกับรสสัมผัสนั้น
ต่างฝ่ายต่างแสดงความต้องการที่เหมือนจะล้นอก เกี่ยวแลกลิ้นกันจนเสียงจูบดังก้องรถ
ทั้งสองจูบกันอยู่เนิ่นนานจนกระทั่งแดนดินที่เป็นฝ่ายผละออกไปก่อนอย่างเชื่องช้า
และเมื่อริมฝีปากที่พรหมจูบรับกันไปมาเมื่อครู่แยกห่างกัน
เขาก็ใช้ดวงตาร้ายกาจคู่เดิมมองเข้าไปที่ดวงตาใสของอีกคน
“ที่อังจูบตอบเมื่อกี้”
“....”
“แดนจะถือว่ามันคือคำตอบตกลงนะครับ”
talk >>
ชอบไม่ชอบยังไงไปหวีดกันได้ที่ #เสือซ่อนลิป เลยจ้า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น