วันจันทร์ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2561

Do you know angkor 29




Do you know angkor cut {29}


#อังกอร์ไม่ใช่แมว




            “นะครับ”

            “อังคาร”

 หลังจากที่ยื้อยุทธกันอยู่นาน คนตัวเล็กกว่าที่ตกอยู่ในอารมณ์โทสะซึ่งเกิดมาจากความเสียใจและผิดหวังที่ได้รับอย่างสาหัสจากอีกคนที่กำลังพยายามจะอธิบายและแก้ไข แต่เขาไม่อยากจะฟังข้อแก้ตัวอะไรอีกแล้ว จึงได้เอาแต่ดิ้นให้หลุดพ้นจากพันธะที่พยายามเหนี่ยวรั้งไม่ว่าจะทางกายหรือจิตใจ แต่สุดท้ายอังกอร์ก็ต้องหยุดชะงักลง เมื่อแดนดินหลุดพูดชื่อจริงของตัวเองออกมา จากความโกรธก็ถูกเปลี่ยนเป็นความตกใจในทันที

“....!!  คนที่ไม่คาดว่าจะถูกจับเรื่องปลอมตัวได้ หน้าถอดสีแล้วหันขวับกลับไปมองหน้าคนที่พยายามเกี่ยวกอดอยู่ข้างหลัง

 “อังฟังแดนนะครับ แดนอธิบายทุกเรื่องได้จริงๆ” แดนดินเหมือนได้โอกาสก็รีบพูดวอนขอให้อังเปิดใจที่จะฟังเขาทันที

              แต่มีเหรอที่เสือจะใจอ่อนง่ายๆ สะบัดหน้าหนีกลับไปประตูรถอีกทางเหมือนเดิม และขณะที่หันกลับไปสายตาก็ทอดมองออกไปนอกตัวรถ ทำให้อังกอร์เห็นเพื่อนสนิทที่จากผมทองก็เปลี่ยนมาเป็นสีนิลขลับผิวให้ใบหน้านั้นดูหล่อมากยิ่งขึ้นกำลังเดินมาใกล้รถยนต์ของแดนดินมากขึ้นทุกที

            “...”

            “อังมองอะไรครับ ไอ้แพทเหรอ” คนตัวโตกว่าที่เห็นสายตาอังกอร์ที่จดจ้องไปข้างนอกก็มองตามแล้วรู้ได้ในทันที

            “ถ้าไม่สะดวกใจที่จะคุยต่อตรงนี้ เราไปหาที่อื่นคุยก็ได้นะอัง”

            “ไม่!” อังกอร์สะบัดตัวแล้วยื่นคำชัด เขายังคงเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นและไม่อยากฟังข้อแก้ตัวใดใด “ก็บอกแล้วไงว่ากูไม่มีอะไรจะคุยกับมึง”

            “อัง... แต่ถ้าเราไม่คุยกันให้รู้เรื่องก็ต้องโกรธกันแบบนี้ต่อไปอีกนานเลยนะครับ แดนรู้ตัวว่าแดนผิด แต่เรื่องที่ผ่านมาทั้งหมดมันไม่ใช่แค่แผนการเท่านั้นนะ”

            “ถ้าเป็นคนอื่นแดนอาจจะเลิกทำแผนบ้าๆนั่นไปแล้วด้วยซ้ำ แต่นี่เป็นอัง อังที่ทำให้แดนรู้สึก เรื่องราวที่ผ่านมาระหว่างเรามันไม่ใช่แค่เรื่องโกหกนะอัง อังรู้สึกดียังไงในตอนนั้น แดนเองก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน”

            “เพราะงั้นเปิดใจให้แดนได้อธิบายหน่อยนะครับ”

            “....” อังกอร์ที่ยังคงมองด้วยความรนรานออกไปนอกตัวรถ เพราะกลัวว่าแพทจะมาเห็นเขาอยู่กับแดนดิน แม้ฟิล์มกระจกรถของแดนดินจะหนาดำทึบยังไง แต่คนในรถก็มองเห็นข้างนอกชัดเจน จนอดไม่ได้ที่จะกังวล อังกอร์จึงไม่ได้สนใจสิ่งที่แดนพูดเลยแม้แต่นิด

            “ไปหาที่คุยที่อื่นกันดีกว่า ไม่งั้นเราคงคุยกันไม่รู้เรื่องสักที” แดนดินที่เห็นแบบนั้นจึงได้ตัดสินใจพูดออกมา ก่อนที่จะออกจากเบาะหลังแล้วเปลี่ยนไปขับรถเพื่อพาอังกอร์กลับไปเคลียร์กันในที่ที่ไม่มีใครรบกวนได้อีกต่อไป

           



/







ภายในรถยนต์คันหรูขณะที่ขับออกมาจากโรงเรียนก็มีแต่ความเงียบปกคลุมมาตลอดทาง อังกอร์ที่ยังคงนั่งอยู่เบาะหลังเอาแต่นั่งกอดอกไขว่ห้างนิ่ง  สีหน้าก็เย็นชาใส่แดนดินอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน พอคนขับรถปริปากถามอะไรก็เชิดใส่ไม่ตอบกลับสักคำเดียว

เฮ้อ...

อังใจแข็งขนาดนี้เลยเหรอ

ปกติออกจะใจอ่อนแท้ๆ


แดนดินที่มองคนด้านหลังผ่านกระจกหน้ารถก็ลอบถอนหายใจออกมา ช่วงเวลาที่เขาคุยกันใช่ว่าอังกอร์จะไม่เคยงอนแดนดินเลย เพราะอังกอร์ค่อนข้างเป็นคนมีเหตุผลและไม่งี่เง่า แต่ตอนที่เขางอนก็ง้อคืนดีได้ง่ายๆ แตกต่างจากคราวนี้ที่เขาคงจะโกรธและเสียความรู้สึกมาก ถึงได้เอาแต่ตีหน้านิ่งใส่ไม่ยอมพูดจา



“.....”


จนกระทั่งมาถึงยังคอนโดของแดนดินที่เป็นสถานที่ที่พวกเขามักจะมานอนเล่นด้วยกันอยู่นับครั้งไม่ถ้วน ในยามที่พอประตูห้องปิดลง แดนดินก็ก้าวเข้าไปสวมกอดด้านหลังของอังกอร์ที่เดินนำเข้าไปก่อนแล้ว แต่ก็ไม่สำเร็จเพราะเจ้าตัวกลับเดินหนีแล้วหันมามองหน้าขู่


“จะคุยก็คุย ไม่ต้องมาถูกตัว”


น้ำเสียงเรียบที่ใครได้ฟังก็ต้องรู้สึกหดหู่ อังกอร์ที่เคยสดใสกำลังพูดตอบกลับมาด้วยเสียงและสีหน้าที่โคตรจะเย็นชา แล้วแค่เพียงอังกอร์มีท่าทีแบบนั้นแดนดินก็หงอลงไปหน่อย หากจะเปรียบเป็นสุนัขที่โดนจนของดุจนหูลู่ก็ไม่ผิดกันนักหรอก

“อัง...”

“ไม่ต้องมาเรียก จะพูดอะไรก็รีบพูด จะได้ไปสักที”

“เราคุยกันดีๆไม่ได้เหรอ แดนอยากอธิบายแล้วคุยให้รู้เรื่องจริงๆนะครับ”  แม้อังจะยังดึงดันที่จะไม่พูดจาดีด้วย แต่แดนดินก็พยายามใช้น้ำเย็นเข้าลูบชโลม ก่อนที่จะค่อยๆขยับตัวเข้าไปนั่งข้างๆ อังกอร์ทีละนิด อย่างที่ไม่เร่งรัดที่จะเข้าหามากจนเกินไป

ดูเหมือน

การกระทำ

แววตา

และคำพูดที่จริงใจของแดน

จะทำให้อังกอร์ยอมอ่อนลง


“อืม ก็ว่ามาสิ” แต่ก็แค่นิดเดียวเท่านั้นแหละ

ถึงจะแค่เล็กน้อยแต่มันก็เหมือนน้ำทิพย์ชโลมจิตใจแดนดินยิ้มออกมาหน่อยเมื่อเห็นแล้วว่าอังกอร์ยอมอ่อนลงให้เขาบ้าง จึงได้พยายามอธิบายถึงสาเหตุที่เขาเข้าหาอังกอร์ตั้งแต่แรกเริ่มเดิมทีที่เข้าไปเพราะกลัวน้องจะเสียใจก็ในเมื่ออังกอร์เป็นถึงคู่อริกันจะไม่ให้เข้าใจผิดได้อย่างไร

“แล้วทำไมไม่บอกกูตั้งแต่แรก...”

“อังไม่เข้าใจเหรอว่าพวกแดนกับแบดกายเกลียดกันขนาดไหน... ไม่มีใครปริปากเจรจากันดีๆหรอก”

“...” 

อังกอร์ขมวดคิ้วมุ่นนิดหน่อยขณะที่ฟัง สีหน้าก็ยังคงไม่สบอารมณ์อยู่เหมือนเดิม จังหวะนั้นเองคนที่พยายามอธิบายก็เล่าความต่อมาเรื่อยๆ แล้วจากที่นั่งคนละฝั่งโซฟาตอนนี้แดนดินก็ขยับเข้ามานั่งจนชิดตัวของอังกอร์แล้ว ซึ่งอังกอร์เองก็ดูจะใจเย็นลงและเปิดใจฟังเรื่องราวมากยิ่งขึ้น ถึงแม้จะดูไม่ได้หายโกรธแต่ก็ไม่ได้ลุกหนีไปไหน

“แดนรู้นะครับว่าแดนผิดที่เข้าหาอังเพื่อกีดกันน้อง แต่ความรู้สึกทั้งหมดที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้นมันไม่ใช่เรื่องโกหกนะครับอัง แดนทำไปเพราะรู้สึกดีกับอังจริงๆ”

แดนดินดึงข้อมือเล็กที่วางไว้บนตักขึ้นมากอดแนบกับอกแกร่ง น้ำเสียงที่ใช้พูดก็อ่อนโยนและนุ่มที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้ สายตาก็จดจ้องอย่างอ้อนวอนให้คนโกรธยอมที่จะเข้าใจและกลับมาคืนดี อังกอร์อาจจะไม่ได้ขยับหนีไปไหนก็จริง แต่เขาไม่แม้แต่จะเอื้อนเอ่ยคำใด ซ้ำยังคงนั่งเงียบและกดก้มใบหน้าลงกับตัก

            ถ้าจะให้พูดกันตรงๆ คนที่พยายามง้อก็แอบใจเสียไปแล้วเหมือนกัน



            เขาจะทำยังไงดี

หากอังกอร์จะไม่ยกโทษให้

จริงๆ แดนดินไม่ได้อยากเร่งรัดการให้อภัยจากอังกอร์หรอก

แต่เขาก็แค่อยากจะขอโอกาสสักครั้งที่จะกลับไปทำให้ดีกว่าเดิม

แค่โอกาสเล็กๆสักครั้งก็พอ...



            “อังครับ...” เสียงทุ้มแต่สั่นเทาด้วยความกลัวอยู่ลึกๆ ในจิตใจเอ่ยเรียกอีกคนให้เงยหน้าขึ้น อังกอร์ที่เอาแต่ก้มหน้าเงียบราวกับกำลังใช้ความคิดอย่างหนักก็เงยหน้าขึ้นมองตาม แววตาของเขามันอ่านไม่ออกเลยว่ากำลังคิดอะไรอยู่

            “แดนรู้นะว่าเรื่องราวระหว่างเรามันอาจจะเริ่มต้นไม่สวยเท่าไหร่”

            “....”

            “แต่ที่ผ่านมา... มันคือความทรงจำที่ดีที่สุดในชีวิตของแดนเลยนะ”

            “แล้วกูจะเชื่อมึงได้ยังไง ที่ผ่านมามึงก็หลอกกูมาตลอดไม่ใช่เหรอ”

            “แต่เรื่องความรู้สึกแดนไม่เคยหลอกอังนะ แดนรักอังจริงๆนะครับ”

            “มันไม่ง่ายไปหรอที่จู่ๆจะมาขอให้เชื่อ...ฮึก...แล้วจะมาบอก..อึก ให้เชื่อเอาตอนนี้น่ะเหรอ อังจะมั่นใจได้ยังไงว่าแดนจะไม่หลอกอังอีก”

            ยิ่งกว่าใจเสียที่เขาไม่ยอมตอบ น้ำตาของอังกอร์ทำเอาแดนดินใจหล่นวูบไปอยู่ที่เท้า แค่มันไหลเอ่อขอบตาออกมา คนตัวสูงกว่าก็พุ่งเข้าไปดึงตัวของอังกอร์เข้ามากอดไว้กับอกแล้วลูบผมปลอบเบาๆ

            “แค่คำพูดของแดนในตอนนี้มันอาจจะยังไม่มีน้ำหนักพอให้อังเชื่อนะ แต่...” แดนดินพูดลากทิ้งคำสุดท้ายก่อนที่จะดึงคนที่ร้องไห้ฟูมฟายกับอกคลายอ้อมกอดออกมาหน่อยก่อนที่จะพูดทั้งมองเข้าไปในดวงตา

เขาว่ากันว่าสิ่งที่โกหกไม่ได้ก็คือแววตาของคน

แดนดินจ้องมองเข้าไปในตาของอังกอร์เพื่อยืนยันให้ชัดถึงความรู้สึกที่มี


“เมื่อก่อนแดนอาจจะเคยถามอังนะครับว่า ถ้าผมเกเร คุณจะชอบผมไหมแต่ครั้งนี้แดนจะไม่ถามแบบนั้น”

“...”

“ถ้าผมจะเป็นคนที่ดีกว่าเดิมเพื่ออัง อังจะให้โอกาสรักแดนอีกครั้งได้ไหมครับ”

            “....” 

           คนตัวเล็กที่ทำหน้าหงึเพราะเหมือนจะรู้ตัวเองว่าเริ่มจะใจอ่อนไปกับคำพูดและท่าทางอ้อนๆ ของคนที่ตัวเองก็ไม่อาจจะตัดใจได้ แม้จะโกรธแดนดินมากแค่ไหนก็ตาม แต่ความรู้สึกรักก็ยังคงมีอยู่เต็มไปหมดไม่เคยลดลงเลย

            แล้วการที่ได้คุยมันก็เหมือนการปลดล็อคเรื่องหนักๆ ที่อังกอร์พยายามทุ่มเทมาตลอดลง

            “นะครับ... ให้โอกาสแดนนะ”

            “อือ..”

            อังกอร์พยักหน้าลงเพียงน้อยก็ทำเอาคนที่พยายามง้อตาวาววับด้วยความดีใจจนแทบจะกระโดด แต่ติดที่คำพูดต่อมาของอังกอร์ทำให้เขาต้องหยุดชะงักความดีใจนั่นไว้ก่อน

            “อังจะให้แค่โอกาสแดนพิสูจน์เท่านั้นนะ ยังไม่ได้จะคบหรืออะไรตอนนี้”

            “อ่า..”

            “อังต้องดูให้แน่ใจก่อนว่าแดนรักอังแล้วจริงๆ ไม่ใช่มาหลอก ไม่งั้นเพื่อนของอังที่คอยปลอบอังในวันที่แย่คงรู้สึกไม่ดีแน่ๆ แล้วไหนจะเรื่องน้องของแดนอีก อังยัง...รู้สึกผิดต่อเขาอยู่เลย เพราะงั้นคงไม่พร้อมที่จะคบกับแดนตอนนี้แน่ๆ”

            อังกอร์ที่ใช้เวลาตลอดตั้งแต่นั่งรถมาจนได้ฟังเรื่องราวของแดนดิน ตัดสินใจแล้วว่าจะแค่ให้โอกาสกลับมาคุยเท่านั้น ยังไม่ได้คิดจะคบกันตอนนี้ เพราะด้วยความไม่พร้อมหลายๆ อย่าง แล้วเขาก็อยากจะพิสูจน์ให้แน่ใจเสียก่อนว่าแดนดินรักตัวเองจริง

            “ได้สิครับ แค่อังให้โอกาสแดน แบบไหนแดนก็โอเคทั้งนั้น” คนที่ขอแค่เพียงโอกาสมีหรือจะรับไม่ได้กับคำตอบนี้ แค่อังกอร์ใจอ่อนยอมเขาก็ดีเท่าไหร่แล้ว

            พอจบปัญหาลงความกังวลที่หนักอกอย่างกับภูเขาลูกใหญ่มาสุมทับก็เหมือนถูกยกออกไป ความสบายใจกำลังเข้ามาแทนที่ แดนดินมองอังกอร์ที่นั่งทำหน้าหงึเหมือนลูกแมวก็ส่งมือหนายื่นไปช่วยเช็ดน้ำตาที่ไหลข้างแก้มให้


            ไม่ได้เจอตั้งหลายวัน

อยากกอดชิบหาย

จูบก็โคตรอยากเลย



            “อัง...”

            “หื้อ” คนที่กำลังใช้มือยีขอบดวงตาเพื่อเช็ดคราบน้ำตาอยู่ก็หันมามอง

            “ขอกอดหน่อยได้มั้ย” แดนดินอ้าแขนออกกว้างแล้วขยับไปนั่งชิดกับตัวของอังกอร์เพื่อขอกอดราวกับเด็ก

            “ไม่ได้!

            “ทำไมล่ะครับ ทีเมื่อกี้ยังกอด”

            “เมื่อกี้ไม่นับ! แล้วก็บอกก่อนว่าอังยังไม่หายโกรธแดนนะ”

            “อ้าว... แต่อังก็ยอมให้แดนคุย”

            “เรื่องกลับมาคุยกับเรื่องโกรธมันคนละเรื่องกัน แดนทำผิดกับอังแค่ไหน จะให้หายดีง่ายๆได้ยังไง”

            “แล้วอังจะให้แดนทำยังไงครับ”

            “ไม่รู้”

            “ไม่รู้แล้วแดนจะทำให้อังได้ยังไง”

            “....”

            “หายโกรธกันนะครับ อังอยากให้แดนทำอะไร แดนยอมทำหมดทุกอย่างเลย”

            แดนดินส่งมือยื่นมาดึงชายเสื้อแล้วกระตุกเบาๆ เพื่อง้อขอให้ยกโทษให้ แถมยังทำหน้าหมาขี้อ้อนให้คนโกรธหมั่นเขี้ยว อังกอร์ก็เงียบคิดไปนิดว่าจะจัดการเจ้าหมาขี้ตื๊อตัวนี้ยังไงให้อยู่หมัดดี

            อันที่จริงอังกอร์ใจอ่อนไปตั้งแต่แดนดินพูดว่ารักกับตัวเองแล้วแต่เขาจะยอมลงให้กับคนใจร้ายคนนี้ไม่ได้ง่ายๆเมื่อนึกย้อนไปถึงสิ่งที่แดนดินเคยทำกับตัวเองแล้ว เขาก็นึกแค้นในใจ จนอยากจะเอาคืน


            อังกอร์ไม่ใช่ลูกแมวน้อยอ่อนแอมาแต่แรก

ซ้ำยิ่งเวลาที่โกรธก็เป็นที่รู้กันดีว่าร้ายลึก

            และดูเหมือนตอนนี้

เขาจะคิดแผนเอาคืนแดนดินขึ้นมาได้แล้วด้วย

            J


           
            “ถ้าบอกไปแล้วแดนจะทำเหรอ” รอยยิ้มกริ่มยกขึ้นที่มุมปากได้รูปของอังกอร์ขณะที่เอ่ยถามกับแดนให้แน่ใจ แต่ท่าทางกับคำถามแบบนั้นก็เหมือนเหยื่อล่อปลาชั้นดีให้ติดกับ


            แดนดินในตอนนี้ไม่มีทางปฏิเสธอังแน่นอนอยู่แล้ว

            เจ้าตัวรู้ดีเลยล่ะ

            “ทำหน้าแบบนั้น... คิดจะทำอะไรหื้ม ตัวแสบ” แดนดินขมวดคิ้วมุ่นหากันหน่อยยามที่มองรอยยิ้มของคนที่ตัวเองหลงรัก อังกอร์ไม่ได้ยิ้มแบบนี้ครั้งแรก แต่จะชอบยิ้มร้ายแบบนี้ตอนที่คิดแผนการจะแหย่ให้เขาหมั่นเขี้ยวจนอยากฟัดทุกครั้ง ซึ่งนั่นก็หมายถึงเขาเองก็เต็มใจยอมตกเป็นเหยื่อให้ปลามันล่อไปเต็มๆ

            “แดนรู้ตัวใช่มั้ยว่าเคยทำไม่ดีอะไรกับอังเอาไว้”

            “ครับ รู้ทุกอย่าง”

            “แล้วปกติคนที่ทำผิดเขาต้องโดนอะไรล่ะแดน”

            “อืม...ก็คงจะลงโทษ”

            J

            “ยิ้มแบบนี้หรือว่า...”


          “อยากรู้ก็ตามมาสิ”



/




 “อังคิดจะทำอะไร”

“บทลงโทษแดนดินฉบับอังกอร์ไงครับ”

“แดนไม่เข้าใจ”


“อะไรที่แดนทำไว้ วันนี้อังจะเอาคืนให้หมดเลย”


หลังจากที่แดนดินที่เดินตามหลังว่าที่คนรักก็เอ่ยปากถามอยู่เรื่อยๆ หลังจากถูกคำเชิญชวนที่ไม่อาจปฏิเสธได้ เขาก็ตามคนตัวเล็กเข้ามายังห้องนอน  คนที่ยอมตกเป็นเหยื่อแค่สถานที่ก็ชวนให้ตื่นเต้นในอกแล้ว

แต่ใครจะรู้ล่ะว่าตัวแสบของแดนดินจะร้ายกาจกว่าที่คิดไว้เยอะ

และเมื่อสองขาของทั้งคู่หยุดลงที่เตียงนอนหลังใหญ่ คนเจ้าแผนการเอาคืนอย่างอังกอร์ก็ออกแรงผลักเข้าที่อกของแดนดิน ซึ่งไม่ทันตั้งตัวให้เซลงไปนั่งบนเตียง คนถูกผลักก็มีสีหน้าตกใจไปเพียงน้อยกับการกระทำนั้น แต่คนมีประสบการณ์ในเรื่องแบบนี้อย่างแดนดินก็ไม่ได้รู้สึกตื่นกลัว ออกจะสนุกตามไปกับความแสบของอังกอร์อยู่ด้วยซ้ำ


แดนดินยอมไหลไปตามน้ำ

เขากำลังลุ้นสนุกในใจอยู่มากกว่า

เพราะไม่รู้ว่าอังกอร์ คิดจะทำอะไร


 ร่างบางของอังกอร์ขยับมายืนหยุดนิ่งที่ตรงหน้าของแดนดิน ส่งยิ้มให้จนตาปิดก่อนจะเอ่ยปากพูดบางอย่าง
“นอนลงสิแดน” แล้วคนฟังก็ว่าง่ายยอมทิ้งตัวนอนลงกับเตียง ขณะนั้นเองคนออกปากสั่งก็ปลดสายเอี๊ยมสีดำที่ชุดของเขาออก ริมฝีปากสวยนั่นก็ยิ้มยกอย่างร้ายกาจจ้องมองกลับไปที่สายตาคู่คมของแดนดินที่นอนลงไปกับเตียง อังกอร์ปลดสายเอี๊ยมเส้นละช้าๆ แถมยังจะยักคิ้วให้กับคนที่เอาแต่จ้องเขาอยู่



อาห์... เซ็กซี่ชิบหาย

ตัวแสบของผมจะรู้ตัวไหม

ว่าแค่เขาปลดสายเอี๊ยมผมก็แทบคลั่งแล้ว



ความคิดของแดนดินที่ตกเป็นเหยื่อแผนการเอาคืนของเสือตัวน้อย เขาไม่เห็นว่าอังกอร์จะกำลังเอาคืนเขายังไง เพราะสิ่งที่เห็นตรงหน้า มีแต่อะไรที่ทำให้เขาพอใจอยู่ทั้งนั้น

อังกอร์ขยับเข้าไปคว้าจับเอาแขนแกร่งของแดนดินให้ยกขึ้นเหนือหัว แอบหวั่นใจไปหน่อยที่แดนดูจะไม่ขัดขืนเอาเลย ซ้ำยังยอมให้เขาจับมันมัดด้วยสายเอี๊ยมสีดำที่เพิ่งจะปลดออกจากตัวหมาดๆ อังกอร์จับตรึงข้อมือของแดนเอาไว้กับขอบเตียงด้านบนเพื่อไม่ให้หนี

แต่ครั้งนี้อังกอร์จะไม่สั่นกลัวเหมือนหนก่อน

เพราะการเอาคืน

มันจะต้องเด็ด...มากกว่าอยู่แล้วสิ



“พร้อมจะรับบทลงโทษหรือยังครับ?

“....”

“ว่าไงครับแดนดิน” 

มือเรียวเล็กจับบีบเข้าที่ปลายคางของคนที่ตกอยู่ในกำมือจับเชยมันขึ้น ในขณะที่ตัวเองก็โน้มใบหน้าลงเข้าไปหาเสียใกล้แล้วเอ่ยถามด้วยแววตาของคนที่เหนือกว่า


“ก็ลงโทษผมตามใจคุณเลยสิครับ อังกอร์”


บทลงโทษที่แสนจะหอมหวานจนคนถูกกระทำก็ไม่คิดขัดขืน 

กลับจะชอบใจเอามากเสียด้วยซ้ำก็เริ่มต้นขึ้น

           
อังกอร์กดปลายจมูกไซร้เข้าไปหอมที่ข้างแก้มและละมันลงมายังต้นคอของแดนดิน พรหมจูบมันลวกๆ อย่างคนไร้ประสบการณ์ แต่ก็พยายามลอกเลียนท่าทางที่แดนดินเคยทำกับตัวเองเมื่อหนก่อนบนโต๊ะอาหารห้องครัว ให้ได้มากที่สุด

ใช่ การที่ถูกปล่อยให้ค้างในวันนั้น  คือสาเหตุหลักซึ่งเป็นชนวนจุดไฟให้แมวน้อยแปรสภาพตัวเองมาเป็นเสือเพื่อเอาคืนในสาสม แต่คนที่กำลังจะโดนบทลงโทษกลับยกตัวเองขึ้นนั่งเอนหลังพิงกับขอบเตียง ซ้ำใบหน้าก็ยิ้มพริมราวกับกำลังพอใจที่จะรับมันอยู่

แดนดินหลับตาพริ้มเมื่อยามที่ริมฝีปากของคนตรงหน้าทาบเข้ามา วันนี้เขาไม่ได้รับบทคนนำจึงได้แต่นิ่งเฉยให้อังกอร์ได้เป็นคนบรรเลงจูบ แต่คนไม่เป็นที่พยายามทำเหมือนเก่งก็ลองผิดลองถูกด้วย ท่าทางเงอะๆ ง่านๆ จนแดนดินอดไม่ได้ที่จะเบียดริมฝีปากสวนกลับไปแล้วมอบสัมผัสที่รุนแรงขึ้นกว่าเดิมให้

อังกอร์ที่รู้สึกเสียหน้าน้อยๆ เพราะเหมือนจะเป็นฝ่ายที่ถูกเดินเกม ผละออกจากจูบมา แล้วค่อยๆ ปลดเสื้อของคนที่นอนราบให้แหวกออก แล้วพรหมจุ๊บเบาๆ ที่เนินอกแกร่ง ลากริมฝีปากร้อนละลงมาช้าๆ นับตั้งแต่กลางอกเรื่อยไปจนถึงซิคแพคที่ชัดเป็นลูกแข็งบนหน้าท้อง หัวใจก็สั่นรัวดังตุบ ไม่หยุดใช่ว่าที่ทำอยู่อังกอร์จะไม่เขินเอาเสียเลย เขาน่ะเขินแทบบ้า หัวใจก็เต้นถี่จะแทบจะทะลุออกมานอกอก แต่ในเมื่อเขาอยากจะเอาคืนแดนดิน ก็ต้องทำให้ถึงที่สุด จากนั้นกระดุมกางเกงสีเข้มก็ถูกปลดออกและเจ้าของร่างกายที่ถูกกระทำก็ไม่ได้ขัดขืน มิหนำซ้ำยังช่วยสะบัดกางเกงให้หลุดจากข้อเท้าไปอย่างไม่ใยดีอีกต่างหาก

ตกลงใครที่โดนลงโทษกันแน่นะ ฮืออ

ใจอยากจะล่มแผนการนั่นทิ้งซะ แต่ขึ้นหลังเสือแล้วมันก็ลงยาก อังกอร์ขบเม้มริมฝีปากตัวเองแน่นก่อนจะเริ่มทำตามสิ่งที่ตั้งใจไว้แต่แรกต่อ

 หมับ

            นับตั้งแต่เกิดออกมาจากท้องแม่ก็ไม่เคยนึกมาก่อนว่าจะได้มาลองทำอะไรแบบนี้  ถ้าเพื่อนคนอื่นๆของเขารู้เข้าจะต้องด่าแรดอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ในเมื่อความซนที่เกิดจากตัวเองเป็นคนเริ่ม กี่ครั้งที่มันให้ผลลัพธ์ร้ายๆ ตลอด แต่ในเมื่อเริ่มแล้วมันก็ต้องสานต่อให้จบ เมื่อยามที่กางเกงสีเข้มถูกสลัดออกจากขาพร้อมกับชั้นใน คนตัวเล็กก็ขยับเข้าไปนั่งตรงกลางระหว่างขาแกร่ง แล้วใช้สองมือจับแก่นกายใหญ่อย่างระวัง  แอบกลืนน้ำลายเอื้อกใหญ่ลงคอเมื่อได้เห็นขนาดของมัน

นี่ขนาดว่ายังไม่ขยายนะ

อังกอร์ย่นคิ้วไปหน่อยก่อนที่จะเหลือบตามองเจ้าของส่วนใหญ่โตที่ไม่ว่าอะไร แล้วเริ่มต้นใช้สองมือลูบไล้ไปตามความยาว ด้วยวัยมัธยมที่ก็ไม่ใช่ว่าเด็กแถมอยากรู้อยากเห็น ก่อนหน้านี้อังกอร์เคยดูในหนังมาแล้วถึงวิธีการทำอะไรแบบนี้ เขาน่ะทฤษฎีแน่นนะ แต่จะปฏิบัติติดลบหรือบวกก็ต้องลองดู

            อึก..อังกอร์ลองใช้มือกำขยำเข้ากับส่วนนั้น จนแดนดินเปล่งเสียงครางเบาๆ ในลำคอ เสียงทุ้มต่ำนั้นก็เหมือนทำให้มีกำลังใจขึ้นมา  มือเรียวเล็กค่อยๆ จับคลึงไปทั่วสัดส่วนกลางตัว ก่อนที่จะกำลำร้อนเอาไว้แล้วรูดตามแกนของมันขึ้นลงช้าๆ


            อังกอร์พยายามจะทำให้แดนดินรู้สึกดีมากขึ้น จึงเร่งขยับมือให้หนักขึ้นอีกยามที่คนตรงหน้าครางเสียงต่ำออกมาเรื่อย คนถูกกระทำบนเตียงก็กดสายตาคมลงมามองแมวซนที่อยู่กลางหว่างขา ทุกการกระทำนั้นถูกจดจำด้วยสายตาของเขาทั้งหมด และยิ่งมองก็ยิ่งปลุกเร้าอารมณ์ให้เสียวมากขึ้นไปอีกจน แกนกายขยายขึ้นคับมือของอังกอร์

            คนที่เร่งจังหวะรูดแกนกายตามความยาวหน้าแดงหูแดงเมื่อมันยิ่งคับพองจนเต็มมือ ก่อนที่จะก้มใบหน้าลงเพื่อใช้ปากให้แทนมือ อังกอร์จับแก่นกายตั้งขึ้นแล้วลากปลายลิ้นอุ่นชโลมเลียเบาๆ แล้วลากมันเป็นเส้นตรงตามความยาวของแกน ลองทำแบบนั้นอยู่ซ้ำๆ ก็ได้ยินแดนดินครางออกมามากขึ้น แบบนี้แปลว่าเขาชอบที่ทำใช่ไหม

“อืม...แบบนั้นครับอัง...อา...ดี“ แดนดินที่จ้องมองลงมาเห็นสีหน้าของอังกอร์ที่ดูจะกังวล เพราะกำลังลองผิดลองถูกอย่างไร้ประสบการณ์รัก จึงครางเสียงทุ้มและเอ่ยพูดเป็นเสมือนคำให้กำลังใจอีกฝ่ายอ้อมๆ อังกอร์ที่เหมือนรู้แนวทางก็ค่อยๆดุลลิ้นเลียเข้าที่ส่วนปลาย จูบและงับเย้ามันเบาๆ จนแดนดินถึงกับเกร็งตัววาบ กล้ามเนื้อบนหน้าท้องแข็งขึ้นให้เห็นจนเป็นลูกชัดกว่าเดิม จนทำเอาคนตัวเล็กใจกระตุกตามไปด้วย

อังกอร์ยังคงใช้ลิ้นเลียอย่างไม่นึกรังเกียจกับแก่นกายร้อนที่แข็งขืนจนใหญ่เห็นเส้นเลือดปูด ก่อนจะใช้ปากครอบอมมันเอาไว้แล้วค่อยๆรูดปากขึ้นลงทีละช้าๆ  แดนดินที่นั่งเอาหลังพิงขอบเตียงก็ส่งเสียงครางทุ้มๆแต่พร่าเสน่ห์ออกมาให้ได้ยินอยู่เรื่อยๆ

          แค่แดนคราง กูก็จะบ้าตายแล้ว ฮื่อ..

            อังกอร์ที่พยายามห้ามหัวใจตัวเองที่สั่นดังราวกับมีคนไปตีกลองชุดในอก หันไปตั้งอกตั้งใจกับการรูดปากเข้าที่แท่งร้อนกลางลำตัว โดยมีสายตาเจ้าเล่ห์ที่จดจ้องมองมาด้วยดวงตาวาววับหากไม่ได้คิดไปเอง แดนดินก็กำลังพอใจกับการขยับปากให้ในครั้งนี้ อังกอร์ที่ค่อยๆเรียนรู้จนเริ่มมั่นใจก็ขยับปากรูดรั้งตามแกนยาวจนอมลึกเข้าไปแล้วหลุดสำลักออกมา

“อึก..งือ...” ความตกใจทำให้คายแกนกายใหญ่ออกจากปาก จนแดนดินก็เด้งตัวขึ้นมามอง ส่งสายตาแทนคำถามว่าเป็นอะไรมั้ยให้ แต่อังกอร์ก็ส่ายหน้าแล้วจัดการต่อ สองมือเล็กก็จับประคองแก่นกายนั้นไว้แล้วอมรูดให้อีกครั้ง คราวนี้ค่อยๆขยับปากขึ้นลงช้าๆ อย่างระวัง

อังกอร์ใช้ปากโม้กแกนกายร้อนให้กับแดนดินอยู่สักพักก็เริ่มเมื่อยตัวจึงขยับด้วยความไม่รู้ตัวทิ้งกายนาบนอนลงเพื่อให้ใช้ปากถนัดขึ้น หากแต่สะโพกมนก็ยกตั้งขึ้นไปด้วย ภาพนั้นมันช่างล่อตาของคนตรงหน้าเสียจนต้องกัดฟันซี๊ดออกมา

     ใช่ว่าไม่เคยมีใครทำแบบนี้ให้กับแดนดิน เขาเองก่อนจะรู้จักอังกอร์ ไม่สิ... ก่อนจะชอบฮุนด้วยซ้ำ ก็เป็นผู้ชายที่ร้ายกาจคนนึงมาก่อน แต่กลับไม่เคยมีใครทำแล้วดูน่ารัก น่ามอง น่าเอ็นดูและปะปนไปกับ เสน่ห์เร่าร้อนอย่างที่ภาพตรงหน้าของเขาตอนนี้

อังทำไมน่าเอาจังวะ

ความคิดร้ายกาจของแดนดินทำเอาเขาแทบไม่อยากจะเป็นผู้ถูกกระทำอีกต่อไป อยากจะสลับบทไปฟาดก้นนิ่มนั่นเสียด้วยซ้ำ แต่เมื่อข้อมือถูกมัดเอาไว้ก็ทำได้แค่นอนให้อังใช้ปากต่อไป แต่มีเหรือจะนอนนิ่งๆ แดนดินเด้งสะโพกกระทั้นกายสวนเข้าปากอังกอร์ไปทีละช้าๆ

            ดี...อา... ดีครับอัง...ยิ่งได้มองแก้มแดงๆที่ชื้นเหงื่อของคนที่ก้มหน้าอยู่เหนือลูกชายเขา ไหนจะมีปากสีสดห่อเข้าหากันขยับรูดรั้งสนองตัณหาอารมณ์ให้ประทุเดือดมากขึ้นเรื่อยๆ  

            เร็วอีกนิด...อา... อย่างนั้นคำขอผ่านเสียงครางต่ำในคอให้คนฟังได้ยินก็พยักหน้ารับแล้วเร่งจังหวะให้จนคนได้รับสัมผัสก็ตัวชาวาบเสียวสะท้าน ดวงตาก็ปิดลงแน่นเมื่อยามที่คลื่นความสุขหรรษากำลังถูกปรนเปรอด้วยริมฝีปากสีแดงสวยของคนที่เขาปราถนา

            ยิ่งจังหวะถูกเร่งเร้าให้รุนแรงมากขึ้นเท่าไหร่ ความต้องการในการก็ทวีคูณเป็นเท่าตัวแดนดินสวนกายดันแก่นกายร้อนเข้าปากให้หนักขึ้น คนที่ใช้ปากก็บีบปากรัด และกระทั้นปากอมให้คืนกลับ แต่แรงกระแทกจากแดนดินมันกดลึกเข้ามาจนแทบทำให้อังกอร์สำลึกอีกครั้ง จึงได้แต่เร่งจังหวะไม่ทิ้งทวนกันมากจนไม่กี่นาทีต่อมา แดนดินขบกรามเสียแน่น ปลดปล่อยความต้องการเข้าไปในโพรงปาก คนได้รับน้ำประหลาดก็นิ่วหน้าไปนิดก่อนจะค่อยๆ คลายปากออกมา

            แดนดินที่ปลดปล่อยน้ำสีข้นออกมาหอบหายใจเล็กน้อย ก่อนที่จะจ้องมองไปยังคนที่ยังคงนอนนาบยกสะโพกอยู่กลางตัว ภาพของอังกอร์ที่ค่อยๆ ถอนปากออกไปช้าๆ จากแก่นกาย ซ้ำน้ำรักในปากที่เลอะเปื้อน แถมการกระทำที่เจ้าตัวแสบทำก็ทำเอาแทบคลั่งไปเลย

            “แพล่บ...” อังกอร์เงยใบหน้าน่ารักขึ้นพอให้แดนดินได้เห็นชัด ส่งสายตาร้อนๆ กลับไปมองสบกับดวงตาคมตรงหน้า แล้วจัดการเลียน้ำขาวที่เลอะขอบปาก ด้วยลิ้นสีสดขยับเลียทีละช้าๆ ราวกับจงใจยั่วให้คนที่ถูกมัดคลั่งตายไปเลย

            ไม่ไหวแล้วแม่งเอ๊ย!

            แล้วมันก็ได้ผลจริงๆ เพราะภาพสุดเซ็กซี่นั่น ทำเอาแดนดินอยากจะลุกขึ้นไปฟัดหอมตัวแสบเอาซะให้ช้ำคาอก จากตอนแรกที่เขาไม่คิดว่าสิ่งที่อังทำคือบทลงโทษยังไง แล้วเขาก็ได้คำตอบมันในนาทีต่อมา

            “ฮึ... อยากเหรอครับแดน J

            ธาตุแท้ของอังกอร์ก็เผยออกมาอีกครั้ง แผนการก็คือทำให้แดนคลั่งจนแทบบ้าแล้วปล่อยให้อยากจนค้างไปเลยยังไงล่ะ สาสมกับที่ทำไว้ครั้งก่อนสุดๆเลยนะ

            “อัง.. ปล่อยมือแดนหน่อยเร็ว”

            “ไม่”

            “ขืนปล่อยตอนนี้อังก็อันตรายอะดิ”

            “เนี่ยเหรอครับบทลงโทษของอัง ใจร้ายกับแดนได้ลงหรอ”

            “ก็ทำอยู่นี่ไงล่ะ” ว่าแล้วก็ยกยิ้มเสียหน่อย

            “อย่าทำกันงี้สิครับ ปล่อยแดนเถอะนะ”

            “ไม่”

            “......”


            อังกอร์ขยับลุกออกจากเตียงไปแล้วทิ้งตัวนั่งลงใกล้ๆ กับแดนดินที่ถูกมัด ทำสีหน้ากวนที่สุดเท่าที่จะกวนได้ราวกับว่าแผนการสำเร็จ  คนที่ถูกตรึงแขนขมวดคิ้วฉับยามที่ถูกคนตัวเล็กกวน

            “น่าสงสารจังเลยอะค้าบ” อังกอร์ยียวนด้วยน้ำเสียงน่ารัก เมื่อเห็นแล้วว่าแดนดินในตอนนี้คงมีความต้องการอยู่ล้นอก พูดหยอกแกล้งแล้วก็ลุกออกจากเตียงไป ตั้งใจจะเดินออกไปจากห้องนอนนี้


            ทว่า..


            พรึ่บ!

            “.......”


            ก็ว่าเขาเดินออกห่างมาจากเตียงแล้วนะ แต่ทำไมแดนดินที่ถูกมัดอยู่ที่เตียงถึงตามมากอดเข้าที่ข้างหลังได้ล่ะ อังกอร์ที่กำลังได้ใจเพราะแผนการทำให้แดนค้างเติ่งอยู่กับอารมณ์ใคร่ที่พุ่งถึงจุดสูงสุด ก็เป็นอันชะงักแล้วตกใจจนหันหน้าขวับกลับไปมอง ก็พบกับสายตาที่ร้ายกาจเสียยิ่งกว่าเสืออย่างเขามาก


            “คิดว่าสายเอี๊ยมเส้นเล็กๆจะเอาแดนอยู่เหรอหื้ม...”

            “อะ...แดน อังแค่ล้อเล่นอะ อย่าทำอะไรอังเลยนะ” คนในอ้อมกอดที่ไปยั่วยวนเขาเอาไว้มากก็เหมือนจะรู้ชะตาตัวเองจนรีบพูดอย่างรนราน แต่มีเหรอที่มาทำกันขนาดนี้แล้วแดนดินจะปล่อยไปง่ายๆ

            “ถ้าบทลงโทษของอังจบลงแล้ว... งั้นคราวนี้ ตาแดนบ้างนะครับ”

            “....”

            “แต่ไม่ใช่บทลงโทษอย่างที่อังทำหรอกนะ”

            “ละ....แล้วอะไร”

            คำตอบที่อังกอร์ได้รับก็ทำเอาหมดความซ่ากับแดนดินไปอีกนานเลยล่ะ


          “บทนายพรานที่แกล้งเป็นเหยื่อ...กำลังล่าเสืออังกอร์  J





                               ฝากกดไลค์ เม้น รีวิว และหวีดลง #เสือซ่อนลิป 
                                        เพื่อเป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ 
talk >> และเราก็ยังตัดได้ค้างเหมือนเคย ได้โปรดอย่าปาทรัพย์สินมาทางเน้ 

#อังกอร์ไม่ใช่แมว ก็ตามชื่อตอนอะเนอะ 
พี่เขาไม่ได้แบ๊วๆนะคะ 
ถึงจะขาดประสบการณ์แต่เป็นตัวแสบชอบท้าทายจริงๆนะเออ 



3 ความคิดเห็น:

  1. แทนการยิ้มน่ะค่ะ

    ตอบลบ
  2. ช่วยด๊วยยยยยยยยยห่หาหานหากกาหห เลือดไหนหมดตัวำม่ไหวแล้ววเวเเสสเสเสสสสวสใใ

    ตอบลบ