Do
you know angkor cut {29}
#อังกอร์ไม่ใช่แมว
“นะครับ”
“อังคาร”
หลังจากที่ยื้อยุทธกันอยู่นาน
คนตัวเล็กกว่าที่ตกอยู่ในอารมณ์โทสะซึ่งเกิดมาจากความเสียใจและผิดหวังที่ได้รับอย่างสาหัสจากอีกคนที่กำลังพยายามจะอธิบายและแก้ไข
แต่เขาไม่อยากจะฟังข้อแก้ตัวอะไรอีกแล้ว
จึงได้เอาแต่ดิ้นให้หลุดพ้นจากพันธะที่พยายามเหนี่ยวรั้งไม่ว่าจะทางกายหรือจิตใจ
แต่สุดท้ายอังกอร์ก็ต้องหยุดชะงักลง เมื่อแดนดินหลุดพูดชื่อจริงของตัวเองออกมา
จากความโกรธก็ถูกเปลี่ยนเป็นความตกใจในทันที
“....!!”
คนที่ไม่คาดว่าจะถูกจับเรื่องปลอมตัวได้ หน้าถอดสีแล้วหันขวับกลับไปมองหน้าคนที่พยายามเกี่ยวกอดอยู่ข้างหลัง
“อังฟังแดนนะครับ แดนอธิบายทุกเรื่องได้จริงๆ”
แดนดินเหมือนได้โอกาสก็รีบพูดวอนขอให้อังเปิดใจที่จะฟังเขาทันที
แต่มีเหรอที่เสือจะใจอ่อนง่ายๆ
สะบัดหน้าหนีกลับไปประตูรถอีกทางเหมือนเดิม และขณะที่หันกลับไปสายตาก็ทอดมองออกไปนอกตัวรถ
ทำให้อังกอร์เห็นเพื่อนสนิทที่จากผมทองก็เปลี่ยนมาเป็นสีนิลขลับผิวให้ใบหน้านั้นดูหล่อมากยิ่งขึ้นกำลังเดินมาใกล้รถยนต์ของแดนดินมากขึ้นทุกที
“...”
“อังมองอะไรครับ
ไอ้แพทเหรอ” คนตัวโตกว่าที่เห็นสายตาอังกอร์ที่จดจ้องไปข้างนอกก็มองตามแล้วรู้ได้ในทันที
“ถ้าไม่สะดวกใจที่จะคุยต่อตรงนี้
เราไปหาที่อื่นคุยก็ได้นะอัง”
“ไม่!” อังกอร์สะบัดตัวแล้วยื่นคำชัด
เขายังคงเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นและไม่อยากฟังข้อแก้ตัวใดใด
“ก็บอกแล้วไงว่ากูไม่มีอะไรจะคุยกับมึง”
“อัง...
แต่ถ้าเราไม่คุยกันให้รู้เรื่องก็ต้องโกรธกันแบบนี้ต่อไปอีกนานเลยนะครับ แดนรู้ตัวว่าแดนผิด
แต่เรื่องที่ผ่านมาทั้งหมดมันไม่ใช่แค่แผนการเท่านั้นนะ”
“ถ้าเป็นคนอื่นแดนอาจจะเลิกทำแผนบ้าๆนั่นไปแล้วด้วยซ้ำ
แต่นี่เป็นอัง อังที่ทำให้แดนรู้สึก เรื่องราวที่ผ่านมาระหว่างเรามันไม่ใช่แค่เรื่องโกหกนะอัง
อังรู้สึกดียังไงในตอนนั้น แดนเองก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน”
“เพราะงั้นเปิดใจให้แดนได้อธิบายหน่อยนะครับ”
“....”
อังกอร์ที่ยังคงมองด้วยความรนรานออกไปนอกตัวรถ
เพราะกลัวว่าแพทจะมาเห็นเขาอยู่กับแดนดิน แม้ฟิล์มกระจกรถของแดนดินจะหนาดำทึบยังไง
แต่คนในรถก็มองเห็นข้างนอกชัดเจน จนอดไม่ได้ที่จะกังวล
อังกอร์จึงไม่ได้สนใจสิ่งที่แดนพูดเลยแม้แต่นิด
“ไปหาที่คุยที่อื่นกันดีกว่า
ไม่งั้นเราคงคุยกันไม่รู้เรื่องสักที” แดนดินที่เห็นแบบนั้นจึงได้ตัดสินใจพูดออกมา
ก่อนที่จะออกจากเบาะหลังแล้วเปลี่ยนไปขับรถเพื่อพาอังกอร์กลับไปเคลียร์กันในที่ที่ไม่มีใครรบกวนได้อีกต่อไป
/
ภายในรถยนต์คันหรูขณะที่ขับออกมาจากโรงเรียนก็มีแต่ความเงียบปกคลุมมาตลอดทาง
อังกอร์ที่ยังคงนั่งอยู่เบาะหลังเอาแต่นั่งกอดอกไขว่ห้างนิ่ง สีหน้าก็เย็นชาใส่แดนดินอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน
พอคนขับรถปริปากถามอะไรก็เชิดใส่ไม่ตอบกลับสักคำเดียว
เฮ้อ...
อังใจแข็งขนาดนี้เลยเหรอ
ปกติออกจะใจอ่อนแท้ๆ
แดนดินที่มองคนด้านหลังผ่านกระจกหน้ารถก็ลอบถอนหายใจออกมา
ช่วงเวลาที่เขาคุยกันใช่ว่าอังกอร์จะไม่เคยงอนแดนดินเลย
เพราะอังกอร์ค่อนข้างเป็นคนมีเหตุผลและไม่งี่เง่า
แต่ตอนที่เขางอนก็ง้อคืนดีได้ง่ายๆ
แตกต่างจากคราวนี้ที่เขาคงจะโกรธและเสียความรู้สึกมาก
ถึงได้เอาแต่ตีหน้านิ่งใส่ไม่ยอมพูดจา
“.....”
จนกระทั่งมาถึงยังคอนโดของแดนดินที่เป็นสถานที่ที่พวกเขามักจะมานอนเล่นด้วยกันอยู่นับครั้งไม่ถ้วน
ในยามที่พอประตูห้องปิดลง
แดนดินก็ก้าวเข้าไปสวมกอดด้านหลังของอังกอร์ที่เดินนำเข้าไปก่อนแล้ว
แต่ก็ไม่สำเร็จเพราะเจ้าตัวกลับเดินหนีแล้วหันมามองหน้าขู่
“จะคุยก็คุย
ไม่ต้องมาถูกตัว”
น้ำเสียงเรียบที่ใครได้ฟังก็ต้องรู้สึกหดหู่
อังกอร์ที่เคยสดใสกำลังพูดตอบกลับมาด้วยเสียงและสีหน้าที่โคตรจะเย็นชา
แล้วแค่เพียงอังกอร์มีท่าทีแบบนั้นแดนดินก็หงอลงไปหน่อย
หากจะเปรียบเป็นสุนัขที่โดนจนของดุจนหูลู่ก็ไม่ผิดกันนักหรอก
“อัง...”
“ไม่ต้องมาเรียก
จะพูดอะไรก็รีบพูด จะได้ไปสักที”
“เราคุยกันดีๆไม่ได้เหรอ
แดนอยากอธิบายแล้วคุยให้รู้เรื่องจริงๆนะครับ”
แม้อังจะยังดึงดันที่จะไม่พูดจาดีด้วย
แต่แดนดินก็พยายามใช้น้ำเย็นเข้าลูบชโลม ก่อนที่จะค่อยๆขยับตัวเข้าไปนั่งข้างๆ
อังกอร์ทีละนิด อย่างที่ไม่เร่งรัดที่จะเข้าหามากจนเกินไป
ดูเหมือน
การกระทำ
แววตา
และคำพูดที่จริงใจของแดน
จะทำให้อังกอร์ยอมอ่อนลง
“อืม ก็ว่ามาสิ”
แต่ก็แค่นิดเดียวเท่านั้นแหละ
ถึงจะแค่เล็กน้อยแต่มันก็เหมือนน้ำทิพย์ชโลมจิตใจแดนดินยิ้มออกมาหน่อยเมื่อเห็นแล้วว่าอังกอร์ยอมอ่อนลงให้เขาบ้าง
จึงได้พยายามอธิบายถึงสาเหตุที่เขาเข้าหาอังกอร์ตั้งแต่แรกเริ่มเดิมทีที่เข้าไปเพราะกลัวน้องจะเสียใจก็ในเมื่ออังกอร์เป็นถึงคู่อริกันจะไม่ให้เข้าใจผิดได้อย่างไร
“แล้วทำไมไม่บอกกูตั้งแต่แรก...”
“อังไม่เข้าใจเหรอว่าพวกแดนกับแบดกายเกลียดกันขนาดไหน...
ไม่มีใครปริปากเจรจากันดีๆหรอก”
“...”
อังกอร์ขมวดคิ้วมุ่นนิดหน่อยขณะที่ฟัง
สีหน้าก็ยังคงไม่สบอารมณ์อยู่เหมือนเดิม
จังหวะนั้นเองคนที่พยายามอธิบายก็เล่าความต่อมาเรื่อยๆ
แล้วจากที่นั่งคนละฝั่งโซฟาตอนนี้แดนดินก็ขยับเข้ามานั่งจนชิดตัวของอังกอร์แล้ว
ซึ่งอังกอร์เองก็ดูจะใจเย็นลงและเปิดใจฟังเรื่องราวมากยิ่งขึ้น
ถึงแม้จะดูไม่ได้หายโกรธแต่ก็ไม่ได้ลุกหนีไปไหน
“แดนรู้นะครับว่าแดนผิดที่เข้าหาอังเพื่อกีดกันน้อง
แต่ความรู้สึกทั้งหมดที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้นมันไม่ใช่เรื่องโกหกนะครับอัง แดนทำไปเพราะรู้สึกดีกับอังจริงๆ”
แดนดินดึงข้อมือเล็กที่วางไว้บนตักขึ้นมากอดแนบกับอกแกร่ง
น้ำเสียงที่ใช้พูดก็อ่อนโยนและนุ่มที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้ สายตาก็จดจ้องอย่างอ้อนวอนให้คนโกรธยอมที่จะเข้าใจและกลับมาคืนดี
อังกอร์อาจจะไม่ได้ขยับหนีไปไหนก็จริง แต่เขาไม่แม้แต่จะเอื้อนเอ่ยคำใด
ซ้ำยังคงนั่งเงียบและกดก้มใบหน้าลงกับตัก
ถ้าจะให้พูดกันตรงๆ
คนที่พยายามง้อก็แอบใจเสียไปแล้วเหมือนกัน
เขาจะทำยังไงดี
หากอังกอร์จะไม่ยกโทษให้
จริงๆ
แดนดินไม่ได้อยากเร่งรัดการให้อภัยจากอังกอร์หรอก
แต่เขาก็แค่อยากจะขอโอกาสสักครั้งที่จะกลับไปทำให้ดีกว่าเดิม
แค่โอกาสเล็กๆสักครั้งก็พอ...
“อังครับ...”
เสียงทุ้มแต่สั่นเทาด้วยความกลัวอยู่ลึกๆ ในจิตใจเอ่ยเรียกอีกคนให้เงยหน้าขึ้น
อังกอร์ที่เอาแต่ก้มหน้าเงียบราวกับกำลังใช้ความคิดอย่างหนักก็เงยหน้าขึ้นมองตาม
แววตาของเขามันอ่านไม่ออกเลยว่ากำลังคิดอะไรอยู่
“แดนรู้นะว่าเรื่องราวระหว่างเรามันอาจจะเริ่มต้นไม่สวยเท่าไหร่”
“....”
“แต่ที่ผ่านมา...
มันคือความทรงจำที่ดีที่สุดในชีวิตของแดนเลยนะ”
“แล้วกูจะเชื่อมึงได้ยังไง
ที่ผ่านมามึงก็หลอกกูมาตลอดไม่ใช่เหรอ”
“แต่เรื่องความรู้สึกแดนไม่เคยหลอกอังนะ
แดนรักอังจริงๆนะครับ”
“มันไม่ง่ายไปหรอที่จู่ๆจะมาขอให้เชื่อ...ฮึก...แล้วจะมาบอก..อึก
ให้เชื่อเอาตอนนี้น่ะเหรอ อังจะมั่นใจได้ยังไงว่าแดนจะไม่หลอกอังอีก”
ยิ่งกว่าใจเสียที่เขาไม่ยอมตอบ
น้ำตาของอังกอร์ทำเอาแดนดินใจหล่นวูบไปอยู่ที่เท้า แค่มันไหลเอ่อขอบตาออกมา
คนตัวสูงกว่าก็พุ่งเข้าไปดึงตัวของอังกอร์เข้ามากอดไว้กับอกแล้วลูบผมปลอบเบาๆ
“แค่คำพูดของแดนในตอนนี้มันอาจจะยังไม่มีน้ำหนักพอให้อังเชื่อนะ
แต่...” แดนดินพูดลากทิ้งคำสุดท้ายก่อนที่จะดึงคนที่ร้องไห้ฟูมฟายกับอกคลายอ้อมกอดออกมาหน่อยก่อนที่จะพูดทั้งมองเข้าไปในดวงตา
เขาว่ากันว่าสิ่งที่โกหกไม่ได้ก็คือแววตาของคน
แดนดินจ้องมองเข้าไปในตาของอังกอร์เพื่อยืนยันให้ชัดถึงความรู้สึกที่มี
“เมื่อก่อนแดนอาจจะเคยถามอังนะครับว่า
ถ้าผมเกเร คุณจะชอบผมไหมแต่ครั้งนี้แดนจะไม่ถามแบบนั้น”
“...”
“ถ้าผมจะเป็นคนที่ดีกว่าเดิมเพื่ออัง
อังจะให้โอกาสรักแดนอีกครั้งได้ไหมครับ”
“....”
คนตัวเล็กที่ทำหน้าหงึเพราะเหมือนจะรู้ตัวเองว่าเริ่มจะใจอ่อนไปกับคำพูดและท่าทางอ้อนๆ
ของคนที่ตัวเองก็ไม่อาจจะตัดใจได้ แม้จะโกรธแดนดินมากแค่ไหนก็ตาม
แต่ความรู้สึกรักก็ยังคงมีอยู่เต็มไปหมดไม่เคยลดลงเลย
แล้วการที่ได้คุยมันก็เหมือนการปลดล็อคเรื่องหนักๆ
ที่อังกอร์พยายามทุ่มเทมาตลอดลง
“นะครับ...
ให้โอกาสแดนนะ”
“อือ..”
อังกอร์พยักหน้าลงเพียงน้อยก็ทำเอาคนที่พยายามง้อตาวาววับด้วยความดีใจจนแทบจะกระโดด
แต่ติดที่คำพูดต่อมาของอังกอร์ทำให้เขาต้องหยุดชะงักความดีใจนั่นไว้ก่อน
“อังจะให้แค่โอกาสแดนพิสูจน์เท่านั้นนะ
ยังไม่ได้จะคบหรืออะไรตอนนี้”
“อ่า..”
“อังต้องดูให้แน่ใจก่อนว่าแดนรักอังแล้วจริงๆ
ไม่ใช่มาหลอก ไม่งั้นเพื่อนของอังที่คอยปลอบอังในวันที่แย่คงรู้สึกไม่ดีแน่ๆ
แล้วไหนจะเรื่องน้องของแดนอีก อังยัง...รู้สึกผิดต่อเขาอยู่เลย
เพราะงั้นคงไม่พร้อมที่จะคบกับแดนตอนนี้แน่ๆ”
อังกอร์ที่ใช้เวลาตลอดตั้งแต่นั่งรถมาจนได้ฟังเรื่องราวของแดนดิน
ตัดสินใจแล้วว่าจะแค่ให้โอกาสกลับมาคุยเท่านั้น ยังไม่ได้คิดจะคบกันตอนนี้
เพราะด้วยความไม่พร้อมหลายๆ อย่าง
แล้วเขาก็อยากจะพิสูจน์ให้แน่ใจเสียก่อนว่าแดนดินรักตัวเองจริง
“ได้สิครับ
แค่อังให้โอกาสแดน แบบไหนแดนก็โอเคทั้งนั้น”
คนที่ขอแค่เพียงโอกาสมีหรือจะรับไม่ได้กับคำตอบนี้
แค่อังกอร์ใจอ่อนยอมเขาก็ดีเท่าไหร่แล้ว
พอจบปัญหาลงความกังวลที่หนักอกอย่างกับภูเขาลูกใหญ่มาสุมทับก็เหมือนถูกยกออกไป
ความสบายใจกำลังเข้ามาแทนที่
แดนดินมองอังกอร์ที่นั่งทำหน้าหงึเหมือนลูกแมวก็ส่งมือหนายื่นไปช่วยเช็ดน้ำตาที่ไหลข้างแก้มให้
ไม่ได้เจอตั้งหลายวัน
อยากกอดชิบหาย
จูบก็โคตรอยากเลย
“อัง...”
“หื้อ”
คนที่กำลังใช้มือยีขอบดวงตาเพื่อเช็ดคราบน้ำตาอยู่ก็หันมามอง
“ขอกอดหน่อยได้มั้ย”
แดนดินอ้าแขนออกกว้างแล้วขยับไปนั่งชิดกับตัวของอังกอร์เพื่อขอกอดราวกับเด็ก
“ไม่ได้!”
“ทำไมล่ะครับ
ทีเมื่อกี้ยังกอด”
“เมื่อกี้ไม่นับ! แล้วก็บอกก่อนว่าอังยังไม่หายโกรธแดนนะ”
“อ้าว...
แต่อังก็ยอมให้แดนคุย”
“เรื่องกลับมาคุยกับเรื่องโกรธมันคนละเรื่องกัน
แดนทำผิดกับอังแค่ไหน จะให้หายดีง่ายๆได้ยังไง”
“แล้วอังจะให้แดนทำยังไงครับ”
“ไม่รู้”
“ไม่รู้แล้วแดนจะทำให้อังได้ยังไง”
“....”
“หายโกรธกันนะครับ
อังอยากให้แดนทำอะไร แดนยอมทำหมดทุกอย่างเลย”
แดนดินส่งมือยื่นมาดึงชายเสื้อแล้วกระตุกเบาๆ
เพื่อง้อขอให้ยกโทษให้ แถมยังทำหน้าหมาขี้อ้อนให้คนโกรธหมั่นเขี้ยว
อังกอร์ก็เงียบคิดไปนิดว่าจะจัดการเจ้าหมาขี้ตื๊อตัวนี้ยังไงให้อยู่หมัดดี
อันที่จริงอังกอร์ใจอ่อนไปตั้งแต่แดนดินพูดว่ารักกับตัวเองแล้วแต่เขาจะยอมลงให้กับคนใจร้ายคนนี้ไม่ได้ง่ายๆเมื่อนึกย้อนไปถึงสิ่งที่แดนดินเคยทำกับตัวเองแล้ว
เขาก็นึกแค้นในใจ จนอยากจะเอาคืน
อังกอร์ไม่ใช่ลูกแมวน้อยอ่อนแอมาแต่แรก
ซ้ำยิ่งเวลาที่โกรธก็เป็นที่รู้กันดีว่าร้ายลึก
และดูเหมือนตอนนี้
เขาจะคิดแผนเอาคืนแดนดินขึ้นมาได้แล้วด้วย
J
“ถ้าบอกไปแล้วแดนจะทำเหรอ”
รอยยิ้มกริ่มยกขึ้นที่มุมปากได้รูปของอังกอร์ขณะที่เอ่ยถามกับแดนให้แน่ใจ
แต่ท่าทางกับคำถามแบบนั้นก็เหมือนเหยื่อล่อปลาชั้นดีให้ติดกับ
แดนดินในตอนนี้ไม่มีทางปฏิเสธอังแน่นอนอยู่แล้ว
เจ้าตัวรู้ดีเลยล่ะ
“ทำหน้าแบบนั้น...
คิดจะทำอะไรหื้ม ตัวแสบ”
แดนดินขมวดคิ้วมุ่นหากันหน่อยยามที่มองรอยยิ้มของคนที่ตัวเองหลงรัก
อังกอร์ไม่ได้ยิ้มแบบนี้ครั้งแรก
แต่จะชอบยิ้มร้ายแบบนี้ตอนที่คิดแผนการจะแหย่ให้เขาหมั่นเขี้ยวจนอยากฟัดทุกครั้ง
ซึ่งนั่นก็หมายถึงเขาเองก็เต็มใจยอมตกเป็นเหยื่อให้ปลามันล่อไปเต็มๆ
“แดนรู้ตัวใช่มั้ยว่าเคยทำไม่ดีอะไรกับอังเอาไว้”
“ครับ
รู้ทุกอย่าง”
“แล้วปกติคนที่ทำผิดเขาต้องโดนอะไรล่ะแดน”
“อืม...ก็คงจะลงโทษ”
“J”
“ยิ้มแบบนี้หรือว่า...”
“อยากรู้ก็ตามมาสิ”
/
“อังคิดจะทำอะไร”
“บทลงโทษแดนดินฉบับอังกอร์ไงครับ”
“แดนไม่เข้าใจ”
“อะไรที่แดนทำไว้
วันนี้อังจะเอาคืนให้หมดเลย”
หลังจากที่แดนดินที่เดินตามหลังว่าที่คนรักก็เอ่ยปากถามอยู่เรื่อยๆ
หลังจากถูกคำเชิญชวนที่ไม่อาจปฏิเสธได้ เขาก็ตามคนตัวเล็กเข้ามายังห้องนอน คนที่ยอมตกเป็นเหยื่อแค่สถานที่ก็ชวนให้ตื่นเต้นในอกแล้ว
แต่ใครจะรู้ล่ะว่าตัวแสบของแดนดินจะร้ายกาจกว่าที่คิดไว้เยอะ
และเมื่อสองขาของทั้งคู่หยุดลงที่เตียงนอนหลังใหญ่
คนเจ้าแผนการเอาคืนอย่างอังกอร์ก็ออกแรงผลักเข้าที่อกของแดนดิน ซึ่งไม่ทันตั้งตัวให้เซลงไปนั่งบนเตียง
คนถูกผลักก็มีสีหน้าตกใจไปเพียงน้อยกับการกระทำนั้น แต่คนมีประสบการณ์ในเรื่องแบบนี้อย่างแดนดินก็ไม่ได้รู้สึกตื่นกลัว
ออกจะสนุกตามไปกับความแสบของอังกอร์อยู่ด้วยซ้ำ
แดนดินยอมไหลไปตามน้ำ
เขากำลังลุ้นสนุกในใจอยู่มากกว่า
เพราะไม่รู้ว่าอังกอร์
คิดจะทำอะไร
ร่างบางของอังกอร์ขยับมายืนหยุดนิ่งที่ตรงหน้าของแดนดิน
ส่งยิ้มให้จนตาปิดก่อนจะเอ่ยปากพูดบางอย่าง
“นอนลงสิแดน”
แล้วคนฟังก็ว่าง่ายยอมทิ้งตัวนอนลงกับเตียง ขณะนั้นเองคนออกปากสั่งก็ปลดสายเอี๊ยมสีดำที่ชุดของเขาออก
ริมฝีปากสวยนั่นก็ยิ้มยกอย่างร้ายกาจจ้องมองกลับไปที่สายตาคู่คมของแดนดินที่นอนลงไปกับเตียง
อังกอร์ปลดสายเอี๊ยมเส้นละช้าๆ แถมยังจะยักคิ้วให้กับคนที่เอาแต่จ้องเขาอยู่
อาห์... เซ็กซี่ชิบหาย
ตัวแสบของผมจะรู้ตัวไหม
ว่าแค่เขาปลดสายเอี๊ยมผมก็แทบคลั่งแล้ว
ความคิดของแดนดินที่ตกเป็นเหยื่อแผนการเอาคืนของเสือตัวน้อย
เขาไม่เห็นว่าอังกอร์จะกำลังเอาคืนเขายังไง เพราะสิ่งที่เห็นตรงหน้า มีแต่อะไรที่ทำให้เขาพอใจอยู่ทั้งนั้น
อังกอร์ขยับเข้าไปคว้าจับเอาแขนแกร่งของแดนดินให้ยกขึ้นเหนือหัว
แอบหวั่นใจไปหน่อยที่แดนดูจะไม่ขัดขืนเอาเลย ซ้ำยังยอมให้เขาจับมันมัดด้วยสายเอี๊ยมสีดำที่เพิ่งจะปลดออกจากตัวหมาดๆ
อังกอร์จับตรึงข้อมือของแดนเอาไว้กับขอบเตียงด้านบนเพื่อไม่ให้หนี
แต่ครั้งนี้อังกอร์จะไม่สั่นกลัวเหมือนหนก่อน
เพราะการเอาคืน
มันจะต้องเด็ด...มากกว่าอยู่แล้วสิ
“พร้อมจะรับบทลงโทษหรือยังครับ?”
“....”
“ว่าไงครับแดนดิน”
มือเรียวเล็กจับบีบเข้าที่ปลายคางของคนที่ตกอยู่ในกำมือจับเชยมันขึ้น
ในขณะที่ตัวเองก็โน้มใบหน้าลงเข้าไปหาเสียใกล้แล้วเอ่ยถามด้วยแววตาของคนที่เหนือกว่า
“ก็ลงโทษผมตามใจคุณเลยสิครับ
อังกอร์”
บทลงโทษที่แสนจะหอมหวานจนคนถูกกระทำก็ไม่คิดขัดขืน
กลับจะชอบใจเอามากเสียด้วยซ้ำก็เริ่มต้นขึ้น
อังกอร์กดปลายจมูกไซร้เข้าไปหอมที่ข้างแก้มและละมันลงมายังต้นคอของแดนดิน
พรหมจูบมันลวกๆ อย่างคนไร้ประสบการณ์ แต่ก็พยายามลอกเลียนท่าทางที่แดนดินเคยทำกับตัวเองเมื่อหนก่อนบนโต๊ะอาหารห้องครัว
ให้ได้มากที่สุด
ใช่
การที่ถูกปล่อยให้ค้างในวันนั้น
คือสาเหตุหลักซึ่งเป็นชนวนจุดไฟให้แมวน้อยแปรสภาพตัวเองมาเป็นเสือเพื่อเอาคืนในสาสม
แต่คนที่กำลังจะโดนบทลงโทษกลับยกตัวเองขึ้นนั่งเอนหลังพิงกับขอบเตียง
ซ้ำใบหน้าก็ยิ้มพริมราวกับกำลังพอใจที่จะรับมันอยู่
แดนดินหลับตาพริ้มเมื่อยามที่ริมฝีปากของคนตรงหน้าทาบเข้ามา
วันนี้เขาไม่ได้รับบทคนนำจึงได้แต่นิ่งเฉยให้อังกอร์ได้เป็นคนบรรเลงจูบ แต่คนไม่เป็นที่พยายามทำเหมือนเก่งก็ลองผิดลองถูกด้วย
ท่าทางเงอะๆ ง่านๆ จนแดนดินอดไม่ได้ที่จะเบียดริมฝีปากสวนกลับไปแล้วมอบสัมผัสที่รุนแรงขึ้นกว่าเดิมให้
อังกอร์ที่รู้สึกเสียหน้าน้อยๆ เพราะเหมือนจะเป็นฝ่ายที่ถูกเดินเกม
ผละออกจากจูบมา แล้วค่อยๆ ปลดเสื้อของคนที่นอนราบให้แหวกออก แล้วพรหมจุ๊บเบาๆ
ที่เนินอกแกร่ง ลากริมฝีปากร้อนละลงมาช้าๆ นับตั้งแต่กลางอกเรื่อยไปจนถึงซิคแพคที่ชัดเป็นลูกแข็งบนหน้าท้อง
หัวใจก็สั่นรัวดังตุบ ไม่หยุดใช่ว่าที่ทำอยู่อังกอร์จะไม่เขินเอาเสียเลย
เขาน่ะเขินแทบบ้า หัวใจก็เต้นถี่จะแทบจะทะลุออกมานอกอก
แต่ในเมื่อเขาอยากจะเอาคืนแดนดิน ก็ต้องทำให้ถึงที่สุด จากนั้นกระดุมกางเกงสีเข้มก็ถูกปลดออกและเจ้าของร่างกายที่ถูกกระทำก็ไม่ได้ขัดขืน
มิหนำซ้ำยังช่วยสะบัดกางเกงให้หลุดจากข้อเท้าไปอย่างไม่ใยดีอีกต่างหาก
ตกลงใครที่โดนลงโทษกันแน่นะ ฮืออ
ใจอยากจะล่มแผนการนั่นทิ้งซะ แต่ขึ้นหลังเสือแล้วมันก็ลงยาก
อังกอร์ขบเม้มริมฝีปากตัวเองแน่นก่อนจะเริ่มทำตามสิ่งที่ตั้งใจไว้แต่แรกต่อ
หมับ
นับตั้งแต่เกิดออกมาจากท้องแม่ก็ไม่เคยนึกมาก่อนว่าจะได้มาลองทำอะไรแบบนี้
ถ้าเพื่อนคนอื่นๆของเขารู้เข้าจะต้องด่าแรดอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่ในเมื่อความซนที่เกิดจากตัวเองเป็นคนเริ่ม กี่ครั้งที่มันให้ผลลัพธ์ร้ายๆ ตลอด
แต่ในเมื่อเริ่มแล้วมันก็ต้องสานต่อให้จบ เมื่อยามที่กางเกงสีเข้มถูกสลัดออกจากขาพร้อมกับชั้นใน
คนตัวเล็กก็ขยับเข้าไปนั่งตรงกลางระหว่างขาแกร่ง แล้วใช้สองมือจับแก่นกายใหญ่อย่างระวัง
แอบกลืนน้ำลายเอื้อกใหญ่ลงคอเมื่อได้เห็นขนาดของมัน
นี่ขนาดว่ายังไม่ขยายนะ
อังกอร์ย่นคิ้วไปหน่อยก่อนที่จะเหลือบตามองเจ้าของส่วนใหญ่โตที่ไม่ว่าอะไร
แล้วเริ่มต้นใช้สองมือลูบไล้ไปตามความยาว ด้วยวัยมัธยมที่ก็ไม่ใช่ว่าเด็กแถมอยากรู้อยากเห็น
ก่อนหน้านี้อังกอร์เคยดูในหนังมาแล้วถึงวิธีการทำอะไรแบบนี้ เขาน่ะทฤษฎีแน่นนะ
แต่จะปฏิบัติติดลบหรือบวกก็ต้องลองดู
“อึก..” อังกอร์ลองใช้มือกำขยำเข้ากับส่วนนั้น
จนแดนดินเปล่งเสียงครางเบาๆ ในลำคอ เสียงทุ้มต่ำนั้นก็เหมือนทำให้มีกำลังใจขึ้นมา มือเรียวเล็กค่อยๆ จับคลึงไปทั่วสัดส่วนกลางตัว
ก่อนที่จะกำลำร้อนเอาไว้แล้วรูดตามแกนของมันขึ้นลงช้าๆ
อังกอร์พยายามจะทำให้แดนดินรู้สึกดีมากขึ้น
จึงเร่งขยับมือให้หนักขึ้นอีกยามที่คนตรงหน้าครางเสียงต่ำออกมาเรื่อย
คนถูกกระทำบนเตียงก็กดสายตาคมลงมามองแมวซนที่อยู่กลางหว่างขา
ทุกการกระทำนั้นถูกจดจำด้วยสายตาของเขาทั้งหมด
และยิ่งมองก็ยิ่งปลุกเร้าอารมณ์ให้เสียวมากขึ้นไปอีกจน
แกนกายขยายขึ้นคับมือของอังกอร์
คนที่เร่งจังหวะรูดแกนกายตามความยาวหน้าแดงหูแดงเมื่อมันยิ่งคับพองจนเต็มมือ
ก่อนที่จะก้มใบหน้าลงเพื่อใช้ปากให้แทนมือ อังกอร์จับแก่นกายตั้งขึ้นแล้วลากปลายลิ้นอุ่นชโลมเลียเบาๆ
แล้วลากมันเป็นเส้นตรงตามความยาวของแกน ลองทำแบบนั้นอยู่ซ้ำๆ
ก็ได้ยินแดนดินครางออกมามากขึ้น แบบนี้แปลว่าเขาชอบที่ทำใช่ไหม
“อืม...แบบนั้นครับอัง...อา...ดี“
แดนดินที่จ้องมองลงมาเห็นสีหน้าของอังกอร์ที่ดูจะกังวล
เพราะกำลังลองผิดลองถูกอย่างไร้ประสบการณ์รัก จึงครางเสียงทุ้มและเอ่ยพูดเป็นเสมือนคำให้กำลังใจอีกฝ่ายอ้อมๆ
อังกอร์ที่เหมือนรู้แนวทางก็ค่อยๆดุลลิ้นเลียเข้าที่ส่วนปลาย จูบและงับเย้ามันเบาๆ
จนแดนดินถึงกับเกร็งตัววาบ กล้ามเนื้อบนหน้าท้องแข็งขึ้นให้เห็นจนเป็นลูกชัดกว่าเดิม
จนทำเอาคนตัวเล็กใจกระตุกตามไปด้วย
อังกอร์ยังคงใช้ลิ้นเลียอย่างไม่นึกรังเกียจกับแก่นกายร้อนที่แข็งขืนจนใหญ่เห็นเส้นเลือดปูด
ก่อนจะใช้ปากครอบอมมันเอาไว้แล้วค่อยๆรูดปากขึ้นลงทีละช้าๆ
แดนดินที่นั่งเอาหลังพิงขอบเตียงก็ส่งเสียงครางทุ้มๆแต่พร่าเสน่ห์ออกมาให้ได้ยินอยู่เรื่อยๆ
แค่แดนคราง กูก็จะบ้าตายแล้ว ฮื่อ..
อังกอร์ที่พยายามห้ามหัวใจตัวเองที่สั่นดังราวกับมีคนไปตีกลองชุดในอก
หันไปตั้งอกตั้งใจกับการรูดปากเข้าที่แท่งร้อนกลางลำตัว โดยมีสายตาเจ้าเล่ห์ที่จดจ้องมองมาด้วยดวงตาวาววับหากไม่ได้คิดไปเอง
แดนดินก็กำลังพอใจกับการขยับปากให้ในครั้งนี้
อังกอร์ที่ค่อยๆเรียนรู้จนเริ่มมั่นใจก็ขยับปากรูดรั้งตามแกนยาวจนอมลึกเข้าไปแล้วหลุดสำลักออกมา
“อึก..งือ...”
ความตกใจทำให้คายแกนกายใหญ่ออกจากปาก จนแดนดินก็เด้งตัวขึ้นมามอง
ส่งสายตาแทนคำถามว่าเป็นอะไรมั้ยให้ แต่อังกอร์ก็ส่ายหน้าแล้วจัดการต่อ
สองมือเล็กก็จับประคองแก่นกายนั้นไว้แล้วอมรูดให้อีกครั้ง
คราวนี้ค่อยๆขยับปากขึ้นลงช้าๆ อย่างระวัง
อังกอร์ใช้ปากโม้กแกนกายร้อนให้กับแดนดินอยู่สักพักก็เริ่มเมื่อยตัวจึงขยับด้วยความไม่รู้ตัวทิ้งกายนาบนอนลงเพื่อให้ใช้ปากถนัดขึ้น
หากแต่สะโพกมนก็ยกตั้งขึ้นไปด้วย
ภาพนั้นมันช่างล่อตาของคนตรงหน้าเสียจนต้องกัดฟันซี๊ดออกมา
ใช่ว่าไม่เคยมีใครทำแบบนี้ให้กับแดนดิน
เขาเองก่อนจะรู้จักอังกอร์ ไม่สิ... ก่อนจะชอบฮุนด้วยซ้ำ
ก็เป็นผู้ชายที่ร้ายกาจคนนึงมาก่อน แต่กลับไม่เคยมีใครทำแล้วดูน่ารัก น่ามอง
น่าเอ็นดูและปะปนไปกับ เสน่ห์เร่าร้อนอย่างที่ภาพตรงหน้าของเขาตอนนี้
อังทำไมน่าเอาจังวะ
ความคิดร้ายกาจของแดนดินทำเอาเขาแทบไม่อยากจะเป็นผู้ถูกกระทำอีกต่อไป
อยากจะสลับบทไปฟาดก้นนิ่มนั่นเสียด้วยซ้ำ แต่เมื่อข้อมือถูกมัดเอาไว้ก็ทำได้แค่นอนให้อังใช้ปากต่อไป
แต่มีเหรือจะนอนนิ่งๆ แดนดินเด้งสะโพกกระทั้นกายสวนเข้าปากอังกอร์ไปทีละช้าๆ
“ดี...อา... ดีครับอัง...” ยิ่งได้มองแก้มแดงๆที่ชื้นเหงื่อของคนที่ก้มหน้าอยู่เหนือลูกชายเขา
ไหนจะมีปากสีสดห่อเข้าหากันขยับรูดรั้งสนองตัณหาอารมณ์ให้ประทุเดือดมากขึ้นเรื่อยๆ
“เร็วอีกนิด...อา... อย่างนั้น” คำขอผ่านเสียงครางต่ำในคอให้คนฟังได้ยินก็พยักหน้ารับแล้วเร่งจังหวะให้จนคนได้รับสัมผัสก็ตัวชาวาบเสียวสะท้าน
ดวงตาก็ปิดลงแน่นเมื่อยามที่คลื่นความสุขหรรษากำลังถูกปรนเปรอด้วยริมฝีปากสีแดงสวยของคนที่เขาปราถนา
ยิ่งจังหวะถูกเร่งเร้าให้รุนแรงมากขึ้นเท่าไหร่
ความต้องการในการก็ทวีคูณเป็นเท่าตัวแดนดินสวนกายดันแก่นกายร้อนเข้าปากให้หนักขึ้น
คนที่ใช้ปากก็บีบปากรัด และกระทั้นปากอมให้คืนกลับ แต่แรงกระแทกจากแดนดินมันกดลึกเข้ามาจนแทบทำให้อังกอร์สำลึกอีกครั้ง
จึงได้แต่เร่งจังหวะไม่ทิ้งทวนกันมากจนไม่กี่นาทีต่อมา แดนดินขบกรามเสียแน่น ปลดปล่อยความต้องการเข้าไปในโพรงปาก
คนได้รับน้ำประหลาดก็นิ่วหน้าไปนิดก่อนจะค่อยๆ คลายปากออกมา
แดนดินที่ปลดปล่อยน้ำสีข้นออกมาหอบหายใจเล็กน้อย
ก่อนที่จะจ้องมองไปยังคนที่ยังคงนอนนาบยกสะโพกอยู่กลางตัว ภาพของอังกอร์ที่ค่อยๆ
ถอนปากออกไปช้าๆ จากแก่นกาย ซ้ำน้ำรักในปากที่เลอะเปื้อน แถมการกระทำที่เจ้าตัวแสบทำก็ทำเอาแทบคลั่งไปเลย
“แพล่บ...”
อังกอร์เงยใบหน้าน่ารักขึ้นพอให้แดนดินได้เห็นชัด ส่งสายตาร้อนๆ
กลับไปมองสบกับดวงตาคมตรงหน้า แล้วจัดการเลียน้ำขาวที่เลอะขอบปาก ด้วยลิ้นสีสดขยับเลียทีละช้าๆ
ราวกับจงใจยั่วให้คนที่ถูกมัดคลั่งตายไปเลย
ไม่ไหวแล้วแม่งเอ๊ย!
แล้วมันก็ได้ผลจริงๆ
เพราะภาพสุดเซ็กซี่นั่น ทำเอาแดนดินอยากจะลุกขึ้นไปฟัดหอมตัวแสบเอาซะให้ช้ำคาอก
จากตอนแรกที่เขาไม่คิดว่าสิ่งที่อังทำคือบทลงโทษยังไง
แล้วเขาก็ได้คำตอบมันในนาทีต่อมา
“ฮึ...
อยากเหรอครับแดน J”
ธาตุแท้ของอังกอร์ก็เผยออกมาอีกครั้ง
แผนการก็คือทำให้แดนคลั่งจนแทบบ้าแล้วปล่อยให้อยากจนค้างไปเลยยังไงล่ะ สาสมกับที่ทำไว้ครั้งก่อนสุดๆเลยนะ
“อัง..
ปล่อยมือแดนหน่อยเร็ว”
“ไม่”
“ขืนปล่อยตอนนี้อังก็อันตรายอะดิ”
“เนี่ยเหรอครับบทลงโทษของอัง
ใจร้ายกับแดนได้ลงหรอ”
“ก็ทำอยู่นี่ไงล่ะ”
ว่าแล้วก็ยกยิ้มเสียหน่อย
“อย่าทำกันงี้สิครับ
ปล่อยแดนเถอะนะ”
“ไม่”
“......”
อังกอร์ขยับลุกออกจากเตียงไปแล้วทิ้งตัวนั่งลงใกล้ๆ
กับแดนดินที่ถูกมัด ทำสีหน้ากวนที่สุดเท่าที่จะกวนได้ราวกับว่าแผนการสำเร็จ คนที่ถูกตรึงแขนขมวดคิ้วฉับยามที่ถูกคนตัวเล็กกวน
“น่าสงสารจังเลยอะค้าบ”
อังกอร์ยียวนด้วยน้ำเสียงน่ารัก
เมื่อเห็นแล้วว่าแดนดินในตอนนี้คงมีความต้องการอยู่ล้นอก
พูดหยอกแกล้งแล้วก็ลุกออกจากเตียงไป ตั้งใจจะเดินออกไปจากห้องนอนนี้
ทว่า..
พรึ่บ!
“.......”
ก็ว่าเขาเดินออกห่างมาจากเตียงแล้วนะ
แต่ทำไมแดนดินที่ถูกมัดอยู่ที่เตียงถึงตามมากอดเข้าที่ข้างหลังได้ล่ะ
อังกอร์ที่กำลังได้ใจเพราะแผนการทำให้แดนค้างเติ่งอยู่กับอารมณ์ใคร่ที่พุ่งถึงจุดสูงสุด
ก็เป็นอันชะงักแล้วตกใจจนหันหน้าขวับกลับไปมอง
ก็พบกับสายตาที่ร้ายกาจเสียยิ่งกว่าเสืออย่างเขามาก
“คิดว่าสายเอี๊ยมเส้นเล็กๆจะเอาแดนอยู่เหรอหื้ม...”
“อะ...แดน
อังแค่ล้อเล่นอะ อย่าทำอะไรอังเลยนะ”
คนในอ้อมกอดที่ไปยั่วยวนเขาเอาไว้มากก็เหมือนจะรู้ชะตาตัวเองจนรีบพูดอย่างรนราน
แต่มีเหรอที่มาทำกันขนาดนี้แล้วแดนดินจะปล่อยไปง่ายๆ
“ถ้าบทลงโทษของอังจบลงแล้ว...
งั้นคราวนี้ ตาแดนบ้างนะครับ”
“....”
“แต่ไม่ใช่บทลงโทษอย่างที่อังทำหรอกนะ”
“ละ....แล้วอะไร”
คำตอบที่อังกอร์ได้รับก็ทำเอาหมดความซ่ากับแดนดินไปอีกนานเลยล่ะ
“บทนายพรานที่แกล้งเป็นเหยื่อ...กำลังล่าเสืออังกอร์
J”
ฝากกดไลค์ เม้น รีวิว และหวีดลง #เสือซ่อนลิป
เพื่อเป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ
เพื่อเป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ
talk >> และเราก็ยังตัดได้ค้างเหมือนเคย ได้โปรดอย่าปาทรัพย์สินมาทางเน้
#อังกอร์ไม่ใช่แมว ก็ตามชื่อตอนอะเนอะ
พี่เขาไม่ได้แบ๊วๆนะคะ
ถึงจะขาดประสบการณ์แต่เป็นตัวแสบชอบท้าทายจริงๆนะเออ
J คืออะไรหรอครับ
ตอบลบแทนการยิ้มน่ะค่ะ
ตอบลบช่วยด๊วยยยยยยยยยห่หาหานหากกาหห เลือดไหนหมดตัวำม่ไหวแล้ววเวเเสสเสเสสสสวสใใ
ตอบลบ